มีประเด็นที่น่าสนใจจาก fastcompany ถึงเรื่องราว “การสัมภาษณ์งาน” ในอนาคตต่อจากนี้
ไม่แน่ว่าคนที่คุณสัมภาษณ์งานด้วย อาจจะเป็น “AI”
การสัมภาษณ์งานในโลกอนาคตกำลังจะเปลี่ยนไป!
นายจ้างทั่วโลกค่อนข้างให้ความสนใจในเทคโนโลยี AI และหนึ่งในงานที่ถูกมอบหมายให้เจ้า AI คือการให้เจ้าปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้ “ทำหน้าที่คัดกรองผู้สมัครงานในอนาคต” โดยในปัจจุบันเทคโนโลยี AI ได้เข้ามาเพิ่มโอกาสใหม่ ๆ ตั้งแต่การช่วยกรองประวัติ, จัดการตารางเวลา รวมไปถึงการสัมภาษณ์งาน เนื่องจากการแข่งขันในปัจจุบันค่อนข้างสูง ดังนั้นผู้สมัครหลักพันคน หมื่นคน การจะใช้มนุษย์ก็อาจจะช้าจนเกินไป แต่เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย บวกกับความเร็วบนโลกอินเทอร์เน็ตก็จะช่วยย่นระยะเวลาได้มากยิ่งขึ้น
กรณีศึกษาที่น่าสนใจในการใช้ AI รับสมัครพนักงาน
เราคงตอบไม่ได้ว่าเรื่องนี้จะเวิร์กหรือไม่เวิร์ก แต่อยากชวนทุกคนมาดูกรณีศึกษาที่น่าสนใจจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยใช้ Sapia.ai หนึ่งในแชตบอตที่สร้างโดยบริษัทจัดหาพนักงานใหม่โดยใช้ AI โดยคุณ Barb Hyman ผู้ก่อตั้งและ CEO ของสตาร์ตอัปชาวออสเตรเลีย Sapia.ai กล่าวไว้ว่า แชตบอต AI จะทำการสัมภาษณ์งานรอบแรกผ่านข้อความ โดยให้ผู้สมัครเขียนคำตอบสั้น ๆ โดยมีความยาวระหว่าง 50-150 คำ ซึ่งคำถามจะเกี่ยวข้องกับทักษะและประสบการณ์ของผู้สมัคร ซึ่งวิธีการนี้ช่วยให้ลดความเครียดและสะดวกสบายมากขึ้นกับผู้สมัครงาน หลังจากนั้นระบบ AI จะทำการวิเคราะห์คำตอบเหล่านั้น เพื่อค้นหาคุณสมบัติ และทักษะที่ตรงกับความต้องการของนายจ้าง เช่น คนคนนี้เป็นคนถ่อมตัวไหม, เขาคิดอย่างมีวิจารณญาณหรือไม่ หรือมีทักษะการสื่อสารที่ดีพอไหม เป็นต้น
หรืออีกกรณีศึกษาจาก Starbucks ที่ Australia เองก็ใช้ Sapia.ai ในการคัดกรองการสัมภาษณ์งาน และไม่ใช่แค่กรองคนสมัครเท่านั้น แต่ยังช่วยคัดคุณภาพที่ตรงกับความต้องการของบริษัทได้อีกด้วย โดยคุณ Rose Phillips หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรพันธมิตรที่ Starbucks Australia กล่าวไว้ว่า ตัวเขาเองก็ไม่อยากให้มีทีมงานขนาดใหญ่ เพื่อมานั่งกรองผู้สมัครจำนวนมาก เพราะเขามองว่างานแบบนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความน่าเบื่อ และทำให้คนทำงานไม่ได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ
เมื่อมีด้านที่ดี ก็ย่อมต้องมีด้านที่เป็นข้อสังเกต!
แน่นอนว่าเทคโนโลยี AI ไม่ได้มีเพียงแค่ Sapia.ai แต่ยังมีอีกหลายบริษัทที่ทำเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น HireVue ได้ใช้ AI เพื่อการสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอ หรือ Moonhub's AI ก็เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มการจ้างงานที่ใช้ AI คัดเลือกงานที่ใช่สำหรับคนที่ใช่ โดยบริษัทเหล่านี้นอกจากจะโชว์ประสิทธิภาพของ AI แล้ว พวกเขาก็ฝึกให้ AI เป็นกลางมากที่สุด ไม่ลำเอียงเชื้อชาติ, เพศ, สีผิว เป็นต้น แต่ก็ใช่ว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงเสมอไป โดยในเนื้อหาของทาง fastcompany ยังบอกเพิ่มอีกว่า มีการทดลอง AI recruiting system กับทาง Amazon ในสหรัฐอเมริกา เมื่อหลายปีก่อนได้ถูกยกเลิกไปหลังจากมีการปฎิบัติต่อคีย์เวิร์ดที่ผิดเพี้ยน ในลักษณะของ AI bias เรื่องเพศ แน่นอนว่าเรื่องนี้ ‘คน’ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการป้อนข้อมูลที่เป็นเชิงอคติเข้าไป กลายเป็นว่าความยุติธรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น ถูกบั่นทอนทำร้ายด้วยมนุษย์กันเอง
หลังจากนี้อะไรคือความปลอดภัย! จากการใช้ AI
ตามรายงานจากบทความของ fastcompany กล่าวไว้ว่า บริษัท AI หลายแห่งเองก็ดำเนินการมาตรการเพื่อสร้างความสบายใจให้กับผู้สมัครงานทุกคน อย่างด้าน Sapia.ai เองก็มีการแบ่งปันข้อมูลโปรไฟล์ของบริษัทอย่างเปิดเผย หรือทางด้าน HireVue ในปี 2021 ก็ประกาศลบหนึ่งในฟีเจอร์ของวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับ Visual analysis หรือการวิเคราะห์ด้วยการจับภาพผู้สัมภาษณ์งาน เพื่อลดการเลือกปฏิบัติอย่างเพศหรือสีผิว
มีผลสำรวจจากศูนย์วิจัย Pew Research ที่เผยแพร่เมื่อปีที่ผ่านมา พบว่าชาวอเมริกันหลายคนระแวงเทคโนโลยี AI ที่ใช้สำหรับการจัดจ้างงาน หรือสัมภาษณ์งาน โดยมีผู้คัดค้านให้ AI ตัดสินใจจ้างงานเป็นลำดับสุดท้ายถึง 71% และคัดค้านการให้ AI ตรวจสอบใบสมัครงานอีก 41%
โดย 66% ของคนทำงานชาวอเมริกันระบุว่า พวกเขาไม่อยากให้สมัครงานกับนายจ้างที่ใช้ AI ในการตัดสินใจจ้างงาน เพราะยังคงไม่มั่นใจถึงความลำเอียง และข้อจำกัดทั่วไปของ AI เพราะยังเชื่อมั่น และสบายใจในมนุษย์มากกว่า
ท้ายที่สุดนี้แม้จะยังไม่มีข้อตกลงที่แน่ชัด แต่เรื่องนี้ถือว่าเป็นข้อมูลที่ชวนให้พวกเราตื่นตัวกันพอสมควร เราไม่อาจรู้ได้ว่า ในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่เราสามารถ คาดการณ์ได้ว่า เราจะต้องรับมือกับอะไร
แปล เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
ที่มา
- Your next job interview could be with a bot
- New audit results and decision on visual analysis
- AI in Hiring and Evaluating Workers: What Americans Think