แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ คงเป็นความรู้สึกเดียวกับที่บริษัท Sony ได้เผชิญไปเมื่อ 30 กว่าปีก่อน จากเหตุการณ์ที่พวกเขา ‘ถูกบริษัท Nintendo หักหลัง’
พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1991 ที่งาน Consumer Electronics Show หรือ CES ที่จัดในชิคาโกนั้น Sony ได้เปิดเผยอย่างภาคภูมิใจ ว่าพวกเขากำลังทำงานร่วมกับ Nintendo เพื่อสร้างเครื่องเกม Super NES รุ่นที่มีเครื่องใส่แผ่นซีดีอยู่ในตัว โดยบริษัทญี่ปุ่นทั้งสองได้ทำงานร่วมกันอย่างลับ ๆ มาเกือบ 4 ปีแล้ว และด้วยกระแสในช่วงนั้นที่คนกำลังตื่นเต้นกับ CD-ROM ก็ทำให้คำประกาศของ Sony กลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์เด็ดที่เกมเมอร์เฝ้ารอคอย
การเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้มาจากการที่เคน คูตารากิ (Ken Kutaragi) ซึ่งทำงานอยู่ใน Sony Computer Entertainment ในเวลานั้นได้เห็นลูกสาวเล่นเครื่องเกม Famicom ของ Nintendo นั่นทำให้เขาจุดประกายได้ว่า จะนำเทคโนโลยีของตนมาใส่ในเครื่องเกมของ Nintendo เพราะสนใจในธุรกิจการทำเกม
Sony ไม่เชี่ยวชาญด้านเกมเลย ฉะนั้นพวกเขาจึงต้องจับมือกับ Nintendo เพื่อสร้างชิปเสียงให้กับเครื่องเกม และใช้เทคโนโลยี CD-ROM ของ Sony มาอัปเกรดตลับเกมให้ดีขึ้น ซึ่งการจับมือกันครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะแตกหักในภายหลัง และสร้างตำนานของโลก
ปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่า Playstation กลายเป็นหนึ่งในเครื่องเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลก มันครองใจผู้คนมากมาย และทำให้ Sony ถูกจดจำในฐานะผู้ขับเคลื่อนวงการเกม ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นตัวการันตีว่า การที่ Sony เบนเข็มมาจับตลาดเกมคอนโซล พวกเขาคิดถูก
ทว่าในเวลานั้น Nintendo ไม่เชื่อว่าเทคโนโลยี CD-ROM จะได้รับความนิยมในอนาคต รวมถึงพวกเขากลัวว่าการทำสัญญากับ Sony ในระยะยาวอาจทำให้ Nintendo เกิดปัญหาได้
ในวันที่ 1 มิถุนายน 1991 ประธาน Nintendo เดินขึ้นเวทีอย่างภาคภูมิใจในงาน Consumer Electronics Show ที่จัดอยู่ในลาสเวกัส ในเวลานั้น แฟน ๆ ต่างเฝ้ารอคอยให้ Nintendo ประกาศถึงความคืบหน้าของเครื่องเกมที่พวกเขาร่วมสร้างกับ Sony แต่ทว่า Nintendo กลับประกาศเรื่องราวสุดช็อก เพราะพวกเขาละทิ้ง Sony และเบนเข็มไปทำงานร่วมกับบริษัท Philips ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชาวดัตช์แทน
เหตุการณ์นี้ได้สร้างความตกตะลึงให้แก่แฟน ๆ ผู้มาชม และนั่นทำให้ Sony รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า (แม้พวกเขาจะคาดการณ์ไว้แล้วว่า Nintendo อาจเทดีลนี้) เพราะในเวลานั้น Philips เองก็เป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Sony ซึ่งการประกาศจับมือกับ Philips ได้สุมไฟแค้นในใจของ Sony ขึ้นมา
“ภายใต้ข้อตกลงนี้ เทคโนโลยีของ Philips จะถูกนำมาใช้เพื่อผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องเล่นเกมของ Nintendo ซึ่งทำให้ Nintendo สามารถใช้ออปติคอลคอมแพคดิสก์ได้” New York Times รายงานในขณะนั้น
ในเวลานั้นคู่แข่งที่ Nintendo ต้องเอาชนะ มีเพียง Sega Genesis เพียงรายเดียว นั่นทำให้ปู่นินดูจะไม่แยแสกับการล้มดีล เพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะมีใครที่สร้างเครื่องเกมมาแข่งกับ Nintendo ในเวลาอันสั้นได้
แน่นอนว่า การทรยศครั้งนี้ได้สร้างศัตรูรายใหม่ที่ทรงพลังยิ่งกว่า ราวกับว่าแผนธุรกิจของพวกเขาถูกฉีกออกไป หลังจากความอัปยศอดสูที่ Nintendo ได้สร้างไว้ ก็ทำให้ Sony เสมือนถูกทิ้งให้อยู่กับโปรเจกต์เครื่องเกมที่สร้างไม่เสร็จ
บทเรียนอันโหดร้ายในความเป็นจริงของธุรกิจนี้ ได้ทำให้พวกเขาจุกอก เพราะ Sony ได้ลงทุนไปหลายล้านในการวิจัย และพัฒนาเครื่องเกมแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจนำ Know How ที่ได้มาใช้ประโยชน์มันซะเลย
ในที่สุดเมื่อ PlayStation ก็เปิดตัวเมื่อปี 1994 เป็นเวลา 3 ปีหลังจาก Sony ถูกหักหลัง พวกเขาได้นำเครื่องเกมนี้เปิดตัวสู่สายตาชาวโลก มันเป็นเครื่องเกมที่แตกต่างจากที่เกมเมอร์เคยเห็นมาก่อน ด้วยกราฟิก 3 มิติ, เล่นบนแผ่นซีดี และการออกแบบที่น่าดึงดูด ก็ทำให้ PlayStation ได้รับความสนใจจากเกมเมอร์ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
อย่างที่เราทราบกันดี PlayStation กลายเป็นหนึ่งในเครื่องเกมที่ทำยอดขายได้หลายร้อยล้านเครื่องทั่วโลก มันส่งให้ Sony กลายเป็นหนึ่งในเจ้าพ่อแห่งเกมอย่างปัจจุบัน ในขณะเดียวกัน Nintendo กลับต้องเจอกับวิกฤติจนทำให้บริษัทมีปัญหาอยู่หลายครั้ง ซึ่งเหล่าเกมเมอร์นั้นก็คงเป็นหนี้บุญคุณของ Nintendo มหาศาล เพราะหากวันนั้นพวกเขาไม่ล้มดีลกับ Sony วันนี้เราอาจไม่มี PlayStation ให้เล่นก็ได้นะ
ที่มา
- How Nintendo’s massive mistake led to the creation of the Sony Playstation — 25 years ago
- The story behind Nintendo’s betrayal of Sony — and how it created its fiercest rival
- The history of PlayStation was almost very different