เพราะมนุษย์เราถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่เติบโต เรียนรู้ได้อยู่เสมอ การที่เราอยู่ในสถานที่แวดล้อมแบบไหน เรามักจะแนวโน้มที่จะพัฒนาตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองไปตามสภาวะแวดล้อมนั้น สมองของมนุษย์เราเองก็ไม่ได้เป็นแค่เครื่องจักรกล ที่ใส่อะไรเข้ามาก็จะถ่ายทอดสิ่งนั้นออกไปได้เป๊ะทั้งหมด แต่ต้องมีการผสมผสานกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ร่วมกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อให้สุดท้ายแล้วเกิดองค์ความรู้ใหม่เฉพาะตัว
การออกแบบสถานที่ทำงานก็เช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายบริษัท หลายคนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แถมถ้าเราไปศึกษาเรื่องการออกแบบสำนักงาน จะพบประวัติความเป็นมาน่าสนใจมาก เช่น ในช่วงแรกๆ สำนักงานจะคล้ายกับเป็นสายพานการผลิต ต่อมาจะเป็นโต๊ะหน้าตาเหมือนๆ กัน เรียงกันเป็นแถว ไม่มีความเป็นส่วนตัว คล้าย ๆ ห้องเรียน ทำให้เกิดความ distract ง่าย และคิดงานได้ยาก จึงมีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จนมีการจัดเป็นคอกทำงาน Cubicle ซึ่งได้ความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกันเป็นทีม สุดท้ายตอนนี้การออกแบบ Office จะเน้นที่ Experience และการสื่อสารขององค์กรผสมผสานเข้าไปด้วยกัน
รูปแบบการทำงาน Work From Home หรือ Hybrid Work ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า สิ่งนี้จะกลายมาเป็น Next Normal ของการทำงานต่อจากนี้ เพราะนอกจากจะเพื่อความปลอดภัยแล้ว ยังมีงานวิจัยสนับสนุนด้วยว่าการทำงานที่บ้านได้ประสิทธิภาพมากกว่าการเดินทางไป Office ทุกวันเสียอีก เพราะ ลดความเครียดจากการเดินทาง ลดความกังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และพนักงานเองสามารถเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวันทำงานได้ด้วย
ถึงจุดนี้แล้วเราอาจเห็นได้ว่า ตอนนี้เราคือผู้บริหารที่จะออกแบบ Work Station ของเราเอง ที่บ้านของเรา แล้วเราควรจะต้องนึกถึงอะไรบ้าง มาดูกัน
ออกแบบพื้นที่โดยมีผลที่ต้องการอยู่ในใจ
เช่น เราต้องการพื้นที่เดียวสำหรับทำทุกอย่าง (1-For-ALL) หรือเราต้องการเปลี่ยนบรรยากาศได้หลายที่ งานที่ต้องการสมาธิมักจะอยู่ในช่วงเวลาไหน เราสามารถเลือกพื้นที่ ให้สอดคล้องกับ กิจกรรม และช่วงเวลา
ลงทุนในสิ่งจำเป็น
ลองดูว่ากิจกรรมหลักของคุณในการทำงานคืออะไร แล้วลงทุนในของสิ่งนั้น ดีกว่าซื้อบ่อยๆ แล้วต้องคอยเรียนรู้อุปกรณ์ใหม่ทุกครั้ง
ออกแบบเสียงเป็นส่วนประกอบ
ช่วงไหนควรเงียบ ช่วงไหนควรเปิดเสียงธรรมชาติ ช่วงไหนเปิดพลง หรือช่วงไหนควรเป็นเพลงบรรเลง ก็จะสร้างบรรยากาศและกระตุ้นการเรียนรู้ได้ต่างกัน
คิดอย่างมนุษย์ถ้ำ
ลองคิดถึงสิ่งพื้นฐานก่อน เช่น แสงธรรมชาติ อุณภูมิ อากาศ กลิ่น แล้วค่อยคิดต่อไปถึงจากนั้นค่อยเลือกอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เพิ่มเข้าไป เพื่อให้ได้ผลอย่างที่ต้องการ บางทีมุม Conferece Call อาจจะไม่ต้องการอะไรมาก แค่มี Internet, ไฟ และเสียงไม่ดัง ส่วนองค์ประกอบที่เหลือก็จำเป็นเท่าที่มนุษย์ถ้ำต้องการก็เป็นไปได้
ออกแบบกลิ่น
กลิ่นช่วยให้ร่างกายของคุณกลับมามีชีวิตชีวาได้
- Cool Mint จะช่วยให้เกิดความรู้สึกเย็นลึก สดชื่น ช่วยกระตุ้นสมองและร่างกายของคุณให้เกิดการตื่นตัว
- Lavender ช่วยให้คลายความกังวล สงบ สะอาด
- ตะไคร้ เป็นกลิ่นที่จะช่วยให้มีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัวพร้อมที่จะทำงานต่อได้อย่างไม่งัวเงีย
- มะกรูด เป็นกลิ่นในตระกูลของซิตรัสที่โดดเด่นด้วยความสดชื่น ปลอดโปร่ง ป้องกันอาการปวดหัวได้
- ยูคาลิปตัส รักษาระบบและบำรุงระบบทางเดินหายใจได้เป็นอย่างดี ช่วยในการลดความอักเสบอาการบวมต่างๆ ลดความตึงเครียด ลดอาการนอนไม่หลับ วิตกกังวลได้ด้วย
นอกเหนือจากเรื่องกลิ่นยังมีเรื่องความสะอาด
ความสะอาดต้องตรวจสอบมุมทิ้งขยะหรือสิ่งที่เราไม่ต้องการใช้แล้วให้ไม่เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่จะมารบกวนการทำงานของเราได้ ฉะนั้นแล้วสิ่งนี้จึงสำคัญมากๆ ในการจัดพื้นที่ในการทำงาน อาจจะจัดโซนในการดูแลเรื่องความสะอาดด้วยก็เป็นเรื่องดีมากๆ ที่หลายคนควรทำนอกเหนือจากการจัดพื้นที่ให้น่ามอง น่าทำงาน
จะเห็นได้ว่าเมื่อเราลองมีวิธีในการวางแผนจัดพื้นที่ทำงานแล้ว สิ่งนี้จะเป็นเหมือนเครื่องมือที่จะช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของงานเราให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีความสุขและเต็มไปด้วยความพีงพอใจของเรา เมื่อพื้นที่ในการทำงานตอบสนองเรา งานที่ทำอยู่ก็จะทำให้เราตอบสนองต่อสิ่งนั้นได้มากขึ้น ฉะนั้นแล้ว ณ วันนี้วันที่เรายังไม่สามารถออกไปทำงานที่ Office ได้อย่างเต็มรูปแบบ การจัดพื้นที่ทำงานก็เป็นอีกกิจกรรมที่จะเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานและการสร้างความสุขให้กับตัวเองได้เช่นกัน
สำหรับเพื่อนๆ หลังจากที่อ่านบทความนี้แล้วไปจัดพื้นที่ในการทำงานกันแบบไหน ก็อย่าลืมมาอวดพวกเราชาว Creative Talk กันด้วยนะ แล้วโอกาสหน้าพบกันใหม่ ในเรื่องราวดีๆ ที่จะมาปลุกแนวคิด ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นจากรอบตัวคุณ
สำหรับคนที่ถนัดฟังมากกว่าอ่าน สามารถกดฟังได้จากช่องทางอื่น ๆ พลังของการจัดพื้นที่ทำงาน : YouTube | SoundCloud | Spotify | PodBean | Apple Podcasts
