33 เรื่องทักษะในอนาคตที่ต้องรู้

Last updated on มิ.ย. 27, 2024

Posted on มิ.ย. 27, 2024

เรื่องที่คนทำงาน คนทำธุรกิจต้องปรับตัวก่อนปี 2025 จากงาน Talents of Tomorrow

1. World Economic Forums รายงานว่า 44% คนทำงานต้อง Reskill ในอีก 5 ปีหลังจากนี้ เพราะการมาของเทคโนโลยีเกิดใหม่ โดยเฉพาะเรื่องของ AI ที่เป็นตัวเร่งทำให้เราต้องปรับตัวให้ทัน

2. 3 สิ่งที่ต้องอัปเดตให้ทัน เพราะมาแน่นอนคือ Cloud Computing, Artificial Intelligence, Cybersecurity การเตรียมความพร้อมให้เท่าทันสำคัญมาก

3. สกิลที่ยังต่อยอดได้ และจำเป็นหลังจากนี้ในอีก 5 ปี คือ Cognitive Problem-solving Abilities, Analytical Thinking และ Technology Literacy ถ้ามี 3 สกิลนี้เราจะได้เปรียบ!

4. 3 Circle of Skills ที่เราตั้งเป้าฝึกฝนได้

  • Core Skill คือ Skill ที่ใช้ในการทำงานปัจจุบันให้ได้ตามมาตรฐาน
  • Mastery Skill คือสกิลที่ใช้ในการทำงานปัจจุบันให้ได้ในระดับที่เหนือกว่าคนทั่วไป
  • Skill คือสกิลที่อาจจะต้องใช้ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้า

*ตั้งเป้าฝึก Core Skill ให้แข็งแรงก่อน แล้วค่อย ๆ ฝึกสกิลที่ต่อยอดในสิ่งที่เราจะทำต่อไป* 

5. ข้อมูลจาก Linkedin 10 สกิลที่คนเรียนรู้มากที่สุดในปี 2024
Communication, Customer service, Leadership, Project management, Management, Analytics, Teamwork, Sales, Problem-solving, Research โดยทั้งหมดนี้เกิดจากการต้องมี Adaptability ก่อนเสมอซึ่งถือเป็นสกิลสำคัญ 

6. ทักษะ Quick Learning คือการเรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อยในทุกวัน อย่างการเปิด Social Media หรือดูหนัง บางครั้งเราก็จะได้เรียนรู้นิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อเสริมให้เราได้รู้เรื่องใหม่ ๆ ในทุกวัน ดังนั้น Mindset ที่จะไม่หยุดเรียนรู้ในทุกวันสำคัญมาก 

7. เกิน 80% ของท็อปบนสุดในองค์กรต้องมีทักษะ Critical Thinking กับ Problem Solving แต่กลับกัน Foundation ข้างล่างจะเป็น Data Analytics ดังนั้นในฐานะเจ้าขององค์กร คุณต้องตอบให้ได้ว่า คุณมีความสามารถแค่ไหนในการกำหนด Business คือลูกค้าอยากได้อะไร แล้วคุณจะแก้ Painpoint อะไรให้กับลูกค้าได้บ้าง

8. โลกยุคนี้คนที่ ‘สื่อสารเป็นระบบ’ จะได้เปรียบ (Systematic Communication) แล้วมันมีอะไรบ้าง

  • ต้องแยก Task งานได้ แล้วต้องรู้ว่ามีรายละเอียดอย่างไร
  • ต้องสามารถเอาข้อมูลมา Visualization ได้
  • ต้องทำ Flowcharts ได้ เพราะเราจะเข้าใจภาพรวมของ Flow
  • ต้องทำ RACI Matrix คือโมเดลการบริหารโครงการ เราจะบริหารจัดการได้ว่าในแต่ละ Project จะมีใครรับผิดชอบส่วนไหนบ้าง
  • เวลาทำงานโครงการใหญ่ ๆ จะต้องอธิบาย Landscape ได้ และนี่คือบางส่วนของข้อมูลที่ต้องรู้ เพื่อให้เราคนที่เห็นภาพรวม และสื่อสารได้อย่างเป็นระบบ

9. Soft Skills ที่สำคัญแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ

  • Any-job skills สกิลที่ไปทำงานที่ไหนก็ยังปรับตัวได้ สกิลที่สำคัญคือ Critical thinking, Communication, Presentation and storytelling
  • Life-time Skills คือ อีกทักษะชีวิตที่จำเป็นต่อการทำงานกับคน ถ้าเราเขียนโค้ดเก่งมาก แต่สื่อสารไม่ได้ เราจะเป็นคนแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไป สกิลที่สำคัญคือ Data-mindset, Intellectual Curiosity, Learning agility

10. AI ช่วยมา Replace งานซ้ำ ๆ เป็นหนึ่งในชาเลนจ์ขององค์กรทำให้พนักงานปรับตัว ซึ่งสิ่งสำคัญมาก ๆ ของเรื่องนี้คือ ต้องบาลานซ์ให้ดีระหว่างเทคโนโลยีใหม่ ๆ และคนทำงาน ทั้งสองสิ่งนี้ต้องไปด้วยกันได้พร้อม ๆ กัน

11. Adapting Together การปรับตัวของพนักงานในองค์กร มี 3 เรื่องคือ 

  • Hybrid Work Models เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์
  • Reskilling Programs ปัจจุบันการสื่อสารกับ AI สำคัญมาก เราจะ Prompt อย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพกลับมาสูงสุดกับงาน ดังนั้นเราจะเข้าใจ GEN AI ยุคใหม่ได้สำคัญมาก
  • Digital Tools เครื่องมือใหม่ ๆ ที่เข้ามาต้องศึกษา ว่าองค์กรปัจจุบันเขาใช้อะไรบ้าง เราต้องปรับตัวให้เท่าทัน เพื่อให้เราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด

12. สิ่งสำคัญในการทำ Hybrid work environment สำหรับ HR มี 3 ส่วนด้วยกัน คือ Strategic clarity, Coaching, Empathy

13. Multi-Disciplinary คือคนที่ทำได้หลายอย่าง มีทักษะหลากหลาย ไม่ได้ทำได้เพียงหน้าเดียว นี่คือภาพที่องค์กรมองหาคนประเภทนี้

14. ทำอย่างไรให้มี Empathy ที่ดีในการทำงาน เพื่อสร้างโปรดักต์ หรือสร้างธุรกิจ 
ต้องมี Empathize คือต้องออกไปเจอลูกค้า เพื่อหาโปรไฟล์ของลูกค้า อย่าเดาแต่ต้องออกไปรู้จักลูกค้าจริง ๆ 

  • หลังจากนั้นค่อยนำไปมา Define สร้าง Ideate และทำ Prototype
  • ซึ่งสุดท้ายเราจะต้อง Test เพื่อกลับมาทำใหม่ ทดสอบจนกว่าจะได้สิ่งที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่สุด
  • ดังนั้นจุดเริ่มที่สำคัญที่สุดสำหรับการ Experience Design คือการต้อง Empathy ก่อนเสมอ เพราะถ้าเราไม่รู้จักลูกค้าอย่างแท้จริง เราไม่อัปเดตว่าลูกค้าสนใจอะไรอยู่ ต่อให้คุณมีทักษะที่ดีแค่ไหน ก็จะไม่สามารถพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้นได้

15. การลงทุนความรู้ คือการลงทุนที่มีค่ามาก เพราะ Future of Jobs จะถูกเปลี่ยนไป ยิ่งการมี AI จะยิ่งทำให้อัตราการเปลี่ยนงานสูงมาก เรื่อง Reskilling and upskilling มีความสำคัญมาก 

16. Fundamental of things ในอนาคตต่อจากนี้มีแต่คนบอกว่า เราต้องรู้ไปซะทุกอย่าง แต่สิ่งสำคัญคือพื้นฐานเราแน่นพอหรือยัง เช่น พื้นฐานของ AI เรารู้จักมากพอหรือยัง เพื่อต่อยอดสิ่งเหล่านั้นกับงานที่ทำ หรือธุรกิจที่ทำ ลองถอยออกมาสักก้าว ไม่ต้องตามเทรนด์ทั้งหมด เพื่อเข้าใจ Fundamental ในการทำงาน

17. มุกตลก หรือเป็นคนที่ตลก นับเป็นทักษะ เพราะ Sense of humour ช่วยให้เราฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้า หรือเจ็บปวดได้ ลองสังเกตดูว่า Leader ที่ตลกและสนุก จะช่วยขับเคลื่อนให้ทีมมีความคิดสร้างสรรค์ และเสริมสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีได้

18. Skill เอ๊ะ หรือคนขี้สงสัย มีความสำคัญมาก คนที่ Lead กระบวนการทำงานด้วยคำถาม หรือมีข้อสงสัย จะนำไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายกว่าคนอื่น เช่น

  • เอ๊ะ? พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปอย่างไร และเร็วแค่ไหน
  • เอ๊ะ? เราจะลดต้นทุนและเพิ่มกำไรได้อย่างไร
  • เอ๊ะ? สินค้าไหนขายดี สินค้าไหนขายไม่ดี จะแก้อย่างไร
  • เอ๊ะ? ส่วนใหญ่คนมาเดินห้างเวลาไหน เราจะจัด event ช่วงไหนดี

19. ในประเทศไทยมีคนเป็น Content Creator อยู่ 9 ล้านคน ดังนั้นสกิลของเจ้าของธุรกิจที่จำเป็นมาก ๆ คือ คุณต้องเริ่มทำธุรกิจกับ Content Creator มากขึ้น อย่างเช่นการทำ Affiliate Marketing คุณจะต้องทำงานกับ Creators ซึ่งในบางองค์กรก็เริ่มมีตำแหน่ง Affiliate Management, Partnership Management, Influencer Partnership, Retail Media Partnership เกิดขึ้นจริงแล้ว 

20. Affiliate Marketing คืออีกหนึ่งสกิลทางเลือกของคนยุคใหม่ ซึ่งต่อยอดมาจากทักษะการทำคอนเทนต์ บอกเล่าประสบการณ์และแปะลิงก์ เพื่อสร้างรายได้ เป็นอีกช่องทางที่ตอบโจทย์ให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งโมเดลของ Affiliate จะเกื้อกูลกัน 3 กลุ่มคือ Consumers, Brand/Retailers, Influencers KOL/Creators 

21. GIG Workers คือคนทำงานชั่วครั้งชั่วคราว คนทำงานมากกว่า 1 Jobs แล้ว ซึ่งมีมากขึ้นโดยมีรูปแบบตั้งแต่ Freelancers, Marketplace workers, Online, Self employed วิธีการทำงานในยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก

22. Product Management คือ The Skill for Future Leaders แล้วสิ่งนี้คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ เหตุเพราะเป้าหมายของธุรกิจคือ Product - Fits - Market (สินค้า-ติด-ตลาด) ดังนั้นทักษะที่สำคัญจะประกอบไปด้วย 3 ทักษะนี้

  • Technology (know-how) หรือความรู้เฉพาะทาง
  • Design (desirability) ความต้องการของลูกค้า
  • Business (ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ)

23. Silent Effort, Loud Results ความพยายามที่เงียบ ผลลัพธ์จะดังเสมอ วันที่คุณจะเหนื่อย มันจะเหนื่อยมาก แต่ขอให้คุณอดทน และลุยต่อไป จังหวะที่ท้อแท้ติดขัดกับงานทำไมสิ่งที่เราทำไม่ไปไหนสักที แต่สิ่งเหล่านั้นแหละ คือโอกาสให้เราได้ซุ่มซ้อมฝึกทักษะใหม่ ๆ 

24. ทักษะที่ต้องกล้าคิด และลอง “เจ๊งในกระดาษก่อน” สำคัญ อาจจะใช้ผ่านการเขียนวิเคราะห์โมเดลธุรกิจแบบง่าย ๆ ด้วย Business Model Canvas เช่น How (ทำอย่างไร), What (อะไร), Who (ใคร), Money of Measurable Benefit (ผลตอบแทนที่เป็นจำนวนเงินหรือรูปแบบอื่น ๆ) ซึ่งเรื่องนี้เราสามารถหาเพิ่มเติมได้จากโลกอินเทอร์เน็ต 

25. 3 Skills ที่ควรมีติดตัว ไม่ว่าจะผ่านไปยุคไหนก็ยังสำคัญ

  • Writing Skill ใครที่เขียนได้ดี จะสามารถเรียบเรียงความคิด ถ่ายทอดออกมาได้เปรียบกว่าคนอื่น และยังช่วยการบริหารจัดการ มีความคิดที่เป็นระบบให้กับตัวเราเองด้วย
  • No-code / Low-code Skill คือคนที่อาจจะไม่ได้เขียนโค้ดได้ แต่มันมีเครื่องมือช่วยเราได้ เช่น Wordpress, Fluent Forms, Slack แล้วเราจะกลายเป็น Technique Marketer ซึ่งจะมีความจำเป็นต่อโลกอนาคตมาก ๆ
  • Soul Management Skill หรือการบริหารสภาพจิตใจของตัวเอง เพราะทุกวันเรามักจะเจอความรู้สึกที่หลากหลาย บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ร้าย สกิลการจัดการสภาพจิตใจตัวเองจึงสำคัญมาก เพื่อไม่ให้เราเป็นคนที่ไม่อยากทำอะไรเลย แต่ถ้าเราบริหารจัดการจิตใจได้ เราจะมีแรงทำอะไรมากมายอย่างมีความสุขได้ ซึ่งทริกง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้คือ ลองไปปรึกษาผู้ที่เคยผ่านมาก่อน หรืออีกวิธีคือการนั่งสมาธิ ฝึกจิตใจให้สงบ ไม่ให้เราฟุ้งซ่าน ก็เป็นอีกวิธีที่ทำได้ง่ายและทำได้ทันที

26. จงจำไว้ว่า ถ้ารู้ว่าเราชอบอะไร เราควร “Focus” ไปที่สิ่งสิ่งนั้น แล้วเราจะเริ่มสนุกกับการเรียนรู้มากขึ้น เพราะเทคนิคนี้คนไม่ชอบเรียน ก็จะสนุกกับการเรียนรู้ได้  

27. ขยัน, ไอเดีย, ดนตรี, กีฬา = GIFT มันเป็นพรสวรรค์ การเรียนรู้ไม่ใช่การบังคับ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องขยันทุกเรื่อง แต่เน้นเรื่องที่เราสนใจ และตอบเป้าหมายของเราได้ เมื่อไหร่ที่เราสนุกกับการเรียนรู้ และมีความสุข นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุด แต่ก่อนจะดีที่สุดคุณต้องหา ‘เป้าหมาย’ ให้เจอก่อน ซึ่งสำคัญมาก 

28. ทักษะ Learning by doing คือทักษะที่ควรมีติดตัว คือการลงไปเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเองด้วยการลงมือทำ ยิ่งถ้าเป็น SMEs เราจะเห็นว่า คนหน้างานเขาเจออะไรบ้าง, เราได้คุยกับลูกค้า ได้อยู่กับพนักงาน จะทำให้เราเห็น Insight ทั้งหมด และสุดท้ายจะทำให้เห็นว่าทักษะที่เราขาดคืออะไรเมื่อเราอยู่หน้างาน อะไรที่เราทำได้ดี และอะไรที่เราต้องปรับปรุง และเรียนเพิ่มเติม

29. ทักษะสำคัญของผู้นำอายุน้อยต้องเริ่มต้นจากคำว่า ‘Trust’ เพราะการเป็นคนที่อายุน้อยมักจะไม่มีใครเชื่อถือเราก่อน คุณต้อง Trust Make Everything Simple เราจะสร้าง Trust ขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ คุณต้องขยัน ตั้งใจจริง และทำให้เกิด Small Wins คือไม่ต้องเริ่มใช้แรงเยอะ แต่เริ่มจากชัยชนะเล็ก ๆ ค่อย ๆ ทำเรื่องเล็ก ๆ ก่อน แล้วค่อยต่อยอดสู่เรื่องใหญ่ ๆ ซึ่งต้องใช้ความอดทนไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

30. 4 สกิลที่สำคัญในอนาคต และเริ่มทำได้ทันทีในวันนี้ คือ Writing, Marketing, Value Creation, Things You Love To Do ลองหาสิ่งที่เราอยากทำ แล้วฝึกการ Combine จากสกิลเหล่านี้ทั้งหมด

31. ทักษะ ‘การตั้งคำถามได้อย่างถูกต้อง’ มีน้อยมากในยุคเรา เป็นเพียงแค่ 3% ในองค์กรเท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องฝึกฝนบ่อย ๆ ถือเป็น Master 10,000 ชม. ไม่ได้ทำกันง่าย ๆ ซึ่งทักษะนี้จะเป็นตัวตอบวิธีคิดได้ เพราะเราจะมี Mindset ในการตอบคำถามเหล่านั้นว่าทำไมเราถึงทำไม่ได้ กลับกันเราจะก็จะสามารถหาคำตอบของคำถามได้ว่า แล้วจะทำอย่างไร เพื่อทำสิ่งเหล่านั้นให้ได้ และการตั้งคำถามให้ถูกต้องใช้ได้กับคนทุกตำแหน่ง ทุกอาชีพ

32. 3ร. แห่งการเรียนรู้คือ 
เรียนรู้ที่จะเรียนรู้ / เรียนรู้ที่จะเลิกรู้ / เรียนรู้ที่จะเลิกเรียน สุดท้ายเราต้องรู้จักตัวเอง ว่าเราควรเรียนรู้เรื่องอะไร ไม่ควรเรียนอะไร และอะไรมีความสำคัญต่อธุรกิจ หรือสิ่งที่เราจะไปต่อยอดในอนาคต

33. นี่อาจจะไม่ใช่ทักษะ แต่ต้องทักตัวเองได้แล้วว่า องค์กรเข้าใจ 7 เหตุผลหลักที่คนลาออกจากองค์กร ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแล้วหรือยัง โดยประกอบด้วยเหตุผลดังนี้

  • Burned Out คนหมดไฟกันเยอะมาก
  • คนทำงานเริ่มรู้สึกอยากใช้เวลาของตัวเอง หรือ Personalize ได้แบ่งเวลาทำในสิ่งที่รัก
  • คนทำงานคิดว่า ‘ไม่ได้ชอบงานที่ทำอยู่’ ในปัจจุบัน จึงตัดสินใจลาออก
  • Financial Freedom คือคนทำงานไม่ได้ทำงานเพื่อให้รวย แต่ทำงานเพื่อให้เงินสามารถสร้างอิสระได้
  • Career Downsizing คือการที่ถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการจะตัดสินใจลาออก เช่น ลดงานให้ได้ไหม ถ้าไม่ให้จะออก เพราะรู้สึกว่าปัจจัยตั้งแต่ข้อ 1-4 ไม่ตอบโจทย์เขา จึงตัดสินใจลาออกเพื่อย้ายงานไปในสโคปงานที่ตอบโจทย์ตัวเอง
  • มองหา Aspects of life เช่น บางคนอยากออกไปปฎิบัติธรรม ออกไปทำในสิ่งที่คิดว่ามันดีกับชีวิต
  • คนลาออก เพราะถูกเรียกกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ ความหมายคือช่วงโควิดเรา Work from home (WFH) แต่จะมีคนกลุ่มนึง ไม่พอใจกับการทำงาน Hybrid Work จึงลาออกเพราะเพียงแค่ยึดติดวิธีการทำงานแบบ Work from home (WFH)

เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ

trending trending sports recipe

Share on

Tags