6 วิธีกำจัดอารมณ์เบื่อ เพื่อค้นพบความหมายที่หายไป

Last updated on พ.ค. 19, 2021

Posted on พ.ค. 19, 2021

ช่วงนี้เพื่อนๆ คงจะอยู่บ้านกันจนเฉา ก็ใครจะไปคิดล่ะว่า ‘ความเบื่อ’ จะกลายเป็นความท้าทายของผู้คนทั่วโลกในช่วงโรคระบาดแบบนี้

CREATIVE TALK ค้นคว้าพบว่า เมื่อเราติดแหง็กอยู่แต่บ้าน ต้องตกอยู่ในจังหวะหนืดหนาดเนิบช้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไร้ซึ่งเรื่องราวน่าตื่นเต้นแปลกใหม่เข้ามาในชีวิต เป็นเหตุให้ความเบื่อหน่ายก่อตัวขึ้น ซึ่งถ้าสะสมจนกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง ก็เสี่ยงจะเกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นมาได้ เพื่อนๆ จึงต้องคอยสำรวจใจกันให้ดีๆ ในระหว่างนี้

ดร.วิจแนนด์ แวน ทิลเบิร์ก (Wijnand Van Tilburg) นักจิตวิทยาที่ทำงานวิจัยเรื่องของอารมณ์เบื่อ ณ มหาวิทยาลัย Essex ประเทศอังกฤษ พบว่าความเบื่อนั้นเกิดจากเราหมดสิ้นความท้าทาย เสียจนรู้สึกไร้ค่า ไม่มีความหมาย ว่างโหวงอยู่ข้างในลึกๆ

ทางด้านศาสตราจารย์นักจิตบำบัด จอห์น ดี. อีสต์วูด ( John D. Eastwood) แห่งมหาวิทยาลัยยอร์ค ในรัฐโตรอนโต ผู้ร่วมเขียนหนังสือ ‘Out of My Skull: The Psychology of Boredom.’ กับศาสตราจารย์ เจมส์ แดนก์เคิร์ต (James Danckert) ภาควิชาจิตวิทยามหาวิทยาลัย Waterloo ได้ให้คำนิยามความเบื่อหน่ายว่าเป็นอาการไม่แยแสต่อสิ่งใด รู้สึกกระสับกระส่ายสลับกับเซื่องซึม ไม่เป็นอันทำอะไร นั่นเป็นผลพวงมาจากเราไม่สามารถควบคุมชีวิตของเราได้ตามปกตินั่นเอง

“คุณต้องปล่อยให้เรื่องจุกจิกจำเจทำคุณเนื้อเต้นเสียบ้าง” – แอนดี วอร์ฮอล

You need to let the little things that would ordinarily bore you suddenly thrill you. – Andy Warhol

แต่ ‘ความเบื่อ’ จะว่าไปก็เป็นสัญญาณเตือนที่ดี ให้เราต้องลุกขึ้นมาลงมือทำอะไรสักอย่างให้หายเบื่อ อาจสะสางเรื่องที่ยังค้างคา กล้าจะลองฝึกฝนงานอดิเรกใหม่ๆ  หรือลุกขึ้นมาจุดไฟแห่งความมุ่งมั่น แค่เพียงตั้งเป้าหมายเล็กๆ ง่ายๆ ในแต่ละวัน ค้นหาความเบิกบานใจของวันนั้นให้สำเร็จ ก็ถือเป็นการจุดประกายความสุขและความรู้สึกมีความหมายขึ้นในใจคุณ 

ซึ่ง CREATIVE TALK คิดว่าถึงเวลาที่เราต้องคุยตกลงกับตัวเองใหม่ ด้วย 6 ข้อ ช่วยนำทางคุณออกจากความน่าเบื่อหน่ายไปหาจุดหมายที่ทำให้รู้สึกถึงคุณค่าจากสิ่งที่ทำอยู่ในห้วงเวลาที่ต้องอยู่แต่บ้านแบบนี้

6 วิธีกำจัดอารมณ์เบื่อ เพื่อค้นพบความหมายที่หายไป

1. ตั้งปณิธานใหม่

ยึดถือในเจตนาดีที่เราตัดสินใจงดความบันเทิงบางอย่างในชีวิต ก็เพราะมันมีความหมายต่อตัวเองและคนอื่นอย่างไร เช่น เราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับผิดชอบต่อสังคม การลดพฤติกรรมหรือกิจกรรมบางอย่างลง จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะนำเชื้อกลับมาติดครอบครัวที่เรารัก เป็นต้น หากไม่จำเป็นจริงๆ เราต้องปฏิบัติตามกฎที่เราตั้งไว้ เพราะเราให้คุณค่าต่อคำมั่นสัญญา

2. ออกแบบชีวิตให้เข้ากับจังหวะใหม่

ตั้งกิจวัตรประจำวันใหม่ทดแทนลงไปในตารางที่ว่างเว้นจากกิจกรรมที่แต่ก่อนต้องออกไปนอกบ้าน ลองออกแบบเวลาคุณภาพที่คุณได้อยู่กับตัวเอง ครอบครัว และการงานให้สมดุลและสม่ำเสมอมากขึ้น จะช่วยทำให้คุณจัดสัดส่วนเวลาไม่ให้ไหลเอื่อยไปตามใจจนขาดวินัยในตนเอง

3. ประเมินค่าพลังงานชีวิตใหม่

ซอยย่อยสิ่งที่ต้องทำ แบ่งเวลาพักเพื่อบริหารพลังงานของเราให้เพียงพอกับกิจกรรมที่เพิ่มเข้ามาท้าทายตนเองในแต่ละวัน โดยไม่ควรหักโหมหรือตั้งเป้าหมายที่ง่ายดายจนเกินไป

4. ตั้งหน้าหาทำเรื่องใหม่ๆ

มองหากิจกรรมอะไรที่ยังไม่เคยลอง เรื่องที่ไม่คิดว่าเราก็ทำได้ เรื่องที่เคยคิดจะทำแต่ไม่มีเวลา หรือจะเป็นเรื่องที่อยากศึกษาเจาะลึกให้รู้ดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้ เพื่อให้เราได้คืบหน้ากับบางเรื่อง สร้างความสำเร็จเล็กๆ ที่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง เป็นความภูมิใจอยู่ลึกๆ ให้คุณได้รู้สึกดีกับตัวเอง

5. พร้อมเอาใหม่

จัดการความรู้สึกผิดที่ทำไม่ได้อย่างตั้งใจ ลองประมาณตนใหม่ ลดความคาดหวังกับตัวเองลงมาอีกนิดในเวลาที่ยังไม่แกร่งพอ บางทีก็จำเป็นที่ต้องผ่อนปรนและให้รางวัลตัวเองบ้าง พอสบายใจแล้วค่อยกลับมาเอาใหม่ เพื่อไม่ให้ความเครียดทำให้คุณมีข้ออ้างผัดผ่อนไม่ยอมทำเรื่องสำคัญๆ ออกไปเรื่อยๆ

6. ส่งกำลังใจให้กันจากใจ

แค่ติดตามกันผ่านโซเชียลมีเดียอาจยังไม่พอ เราควรได้ต่อสนทนากันจริงๆ ได้โทรศัพท์ฟังเสียงหรือวิดีโอคอลแบบเห็นหน้าตากัน เพื่อเพิ่มความรู้สึกเชื่อมโยงกับสังคมที่เราห่วงใยอย่างแท้จริง

แหล่งอ้างอิง

trending trending sports recipe

Share on

Tags