🌎 ADVERTISING IN 2030 🎬
โลกโฆษณาถูกเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และท้าทายมาก ๆ ความน่าสนใจคือ แล้วในอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นอย่างไร แล้วในโลกโฆษณาเรื่องไหนบ้างที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า คนทำแบรนด์จะนำหน้าได้อย่างไร ?
🎬 โลกโฆษณาปี 2010
The Digital Awakening นี่คือยุคที่ในอดีตที่คนยังอินกับความ Mass ที่มาจากสื่อทีวีเป็นหลัก แม้จะพึ่งมีโซเชียลมีเดียเข้ามาก็ตาม
🔶 Consumer Behavior ในปี 2010
- ยังดู ‘ทีวี’ เป็นสื่อหลัก
- เริ่มใช้ Social Media ผ่าน Desktop
🔶 Top Platform ในปี 2010
- TV, Facebook, YouTube, Pantip
🔶 Advertising Focus ในปี 2010
- TVC, OOH, Print, Radio (Above-the-Line)
- SEO / SEM
🎬 โลกโฆษณาปี 2015
The Mobile-First Shift นี่คือยุคที่ทุกคนต้องมี Smartphone การเสพสื่อต่าง ๆ ถูกเปลี่ยนไป มี Snapchat เกิดขึ้น, Instagram เกิดขึ้น รวมถึงยุคเฟื่องฟูของอินเทอร์เน็ต ทั้งโฆษณา Viral Video ที่อยากให้คนแชร์ เป็นเป้าหมายสำคัญที่แบรนด์อยากจะทำอย่างไรก็ได้ ให้คนดูโฆษณาหนังที่แบรนด์ทำให้มากที่สุด ให้ Viral ที่สุด
🔶 Consumer Behavior ในปี 2015
- ใช้ Smartphone เป็นหลัก
- เลือกเสพสื่อด้วยตัวเอง
- กด Like-Share เป็นนิสัย
- อ่านน้อย ดูเยอะ
🔶 Top Platform ในปี 2015
- Facebook, YouTube, Instagram
🔶 Advertising Focus ในปี 2015
- Viral Video
- Social Media Campaign
- Video Ads
- Programmatic
🎬 โลกโฆษณาปี 2020
The Influencer Boom ยุคที่อินฟูฯ เกิดใหม่จากเพจมากมาย โดยเฉพาะ Influencer Marketing คนไม่เชื่อดาราแบบเดิม แต่เชื่อที่คนใช้จริง มาเล่าประสบการณ์การใช้จริง จนเกิดเป็น Micro Influencer มากมาย อีกส่วนที่มาแรงมาก ๆ คือการทำ Podcast และ Real-time Marketing
🔶 Consumer Behavior ในปี 2020
- เสพเนื้อหาจากครีเอเตอร์เป็นหลัก
- มองหาแบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจน
- เลือกคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมากขึ้น
- ผันตัวเป็นอินฟลู
🔶 Top Platform ในปี 2020
- Facebook, YouTube, LINE
- Marketplace
- Podcast
- Zoom
🔶 Advertising Focus ในปี 2020
- Storytelling
- Influencer
- Personalized
- Purpose Driven
- Real-time Content
🎬 โลกโฆษณาปี 2025
Short-Form & AI-Powered Era นี่คือยุคแห่ง TikTok อย่างแท้จริง โดยเน้นการสร้าง Live Commerce เกิดการ Live มากขึ้น และนำไปสู่การทำ Affiliate Marketing หรือเกิดพรีเซนเตอร์หน้าใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่คน อย่างน้องหมีเนย หรือ น้องหมูเด้ง และล่าสุดเกิด ChatGPT ซึ่งทำให้มันเปลี่ยนโลกในแง่การเรียนรู้เรื่อง AI เพื่อนำมาปรับใช้กับงานที่ทำ
🔶 Consumer Behavior ในปี 2025
- เสพคอนเทนต์ Short-form
- หาประสบการณ์แปลกใหม่
- Seamless Experience
- หาข้อมูลผ่าน AI
🔶 Top Platform ในปี 2025
- TikTok
- Marketplace
🔶 Advertising Focus ในปี 2025
- Social Commerce
- Live Commerce
- Affiliate
🎬 แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในโลกโฆษณาปี 2030
🎯 แนวโน้มที่ 1 -> โฆษณาแบบเดิมจะมีอยู่…แต่ก็จะมีรูปแบบใหม่เช่นกัน
หนังโฆษณาผ่านมากี่ยุคสมัยมันยังมีอยู่ แต่มันอาจจะมีรูปแบบการเล่าใหม่ ๆ เพราะบางครั้งสั้นก็ไม่ได้ตอบโจทย์เสมอไป- อีกหนึ่งรูปแบบที่น่าเรียนรู้ในเครื่องมือใหม่ ๆ คือ Immersive Experience ซึ่งล่าสุด Apple ได้พัฒนาในหนัง submerged ด้วยการใช้ Apple vision pro ได้แล้ว
🎯 แนวโน้มที่ 2 -> มนุษย์จะยังมองหาอะไรเดิม ๆ แต่จะซับซ้อน เข้าใจยากมากขึ้น
ในสมองของมนุษย์จะเริ่มซับซ้อนมากขึ้น เข้าใจยากขึ้น คาดเดาได้ยากขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายมาก ๆ ทั้งความเชื่อ, มุมมอง, เหตุผล, ทัศนคติ
🎯 แนวโน้มที่ 3 -> เมื่อโลกเต็มไปด้วย AI ความเป็นมนุษย์จะกลับมามีคุณค่า
ปัจจุบันคอนเทนต์เชิง AI มันมากขึ้น เราเห็นลิง Vlog ได้แล้ว, เห็นพระ AI แล้ว และมีอีกหลาย ๆ อย่าง ดังนั้น อะไรที่ดูธรรมดาวันนี้ อีก 5 ปีข้างหน้ามันอาจจะมีคุณค่าในวันข้างหน้าได้
🎯 แนวโน้มที่ 4 -> โฆษณาจะเน้นที่ผลลัพธ์ แต่ความสร้างสรรค์ยังเป็นหัวใจสำคัญ
คุณเพิร์ทย้ำถึงงานที่ได้ไป Cannes Lions ในระดับโลกยังคงให้คุณค่ากับความคิดสร้างสรรค์ แม้ในยุคที่ AI จะรวดเร็วแค่ไหนก้ตาม แต่ความคิดสร้างสรรค์ยังเป็นหัวใจสำคัญ
🎬 ถ้าโลกโฆษณาใน 2030 เป็นแบบนี้ แล้วแบรนด์ต้องรับมืออย่างไร ?
สรุปหัวใจหลัก 7E FOR 2030 BRANDS แนวทางสำหรับแบรนด์เพื่อรับมือโลกโฆษณาในปี 2030
🎯 1. ENTERTAIN สร้างความสนุก ให้คนอยากดู อยากแชร์
การทำให้ผู้ชมเกิดความรู้ร่วมกันสำคัญมาก โดยไม่เล่นท่าเดิม แต่หาท่าใหม่ ๆ มาทำให้เขาสนุกตื่นเต้น สื่อสารการตลาดแบบนักมายากล ซึ่งง่ายที่สุดคือ Think Like Creator เลิกคิดแบบแบรนด์ แต่ต้องมาคิดแบบครีเอเตอร์ ว่าจะบิดไปทางไหน ครีเอทเข้าไปได้อย่างไร
🎯 2. EMOTION สร้างความผูกพันด้วยความรู้สึก
หนึ่งในคำพูดจาก Maya Angelou พูดถึงเรื่องของ “ผู้คนจะลืมสิ่งที่คุณพูด ผู้คนจะลืมสิ่งที่คุณทำ แต่ผู้คนจะไม่มีวันลืมว่าคุณทำให้พวกเขารู้สึกอย่างไร" การเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ด้วยกัน หรือพฤติกรรมของคนสำคัญมากในโลกอนาคตต่อจากนี้
🎯 3. EDGE มีจุดยืนที่เฉียบ แตกต่าง จำง่าย
ในอดีตแกะดำอาจจะดูไม่ดี แต่ในวันนี้การเป็น ‘แกะดำ’ คือสิ่งที่สร้างความแตกต่าง แต่ถ้าในตลาดมีแกะดำแล้ว เราไปเป็นแกะแดงได้ ความหมายคือสร้างความแตกต่างอย่างไม่หยุด เช่น การตั้งชื่อแบรนด์ ตัวอย่างเช่น ‘ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน’ หรือ แบรนด์น้ำแร่ Liquid Death ที่มีนิยามว่าฉันจะมาฆ่าความกระหายของทุกคน ซึ่งอีกเหตุผลที่เขาสร้างคือเวลาไปปาร์ตี้จะทำให้การดื่มน้ำเปล่าไม่เขินอีกต่อไป เป็นต้น
ดังนั้นจงกล้า, จงแตกต่าง แต่อย่าเป็นแค่ธรรมดา (be bold, be italic, never regular)
🎯4. EXCLUSIVITY ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า….ฉันพิเศษ
การทำ Hyper Personalization สำคัญมาก หนึ่งในตัวอย่างที่ดีคือ Spotify ที่ทุกสิ้นปีจะมีการมาแชร์กันว่าใน 1 ปี เราฟังเพลงอะไรไปบ้าง หรือ Spotify Wrapped ที่สุดของปี ซึ่งเป็นการทำ Hyper Personalization ให้กับลูกค้ารู้สึกเป็นคนพิเศษ และมีการแชร์ที่แตกต่างกัน
🎯 5. ETHICS โปร่งใส และรับผิดชอบต่อสังคม
แบรนด์ต้องรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่ง Patagonia ได้ทำแคมเปญน่าสนใจว่า อย่ามาซื้อแจ็กเกตฉันเลย แต่ถ้าคุณมาซื้อของเรา คุณจะไม่ต้องซื้อแจ็กเกตอื่นอีกเลย ฟังดูย้อนแย้ง แต่มันเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งวิธีการสื่อสารเพื่อรับผิดชอบต่อกระแสการซื้อสินค้าที่มากเกินตัว แต่ยังคงเท่ในการนำเสนอ
🎯 6. EMERGENCE เปิดใจรับสิ่งใหม่ กล้าลองก่อนคนอื่น
หนึ่งในนั้นคือเรื่องของการใช้ AI เปิดรับสิ่งใหม่ หรือแม้กระทั่งหลังจากนี้แบรนด์จะไม่ทำ SEO ต่อไป แต่ต้องทำ AEO ด้วย แม้จะยังหาสูตรไม่เจอ แต่การหาสิ่งใหม่สำคัญ
🎯 7. EMPATHY เข้าใจมนุษย์….ให้ลึกกว่าข้อมูล
แบรนด์ต้องคิดแบบมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะการ Action ด้วยความเป็นมนุษย์ยังคงสำคัญ เพราะมนุษย์ยังคงชอบได้รับความรู้สึกแบบมนุษย์
ดังนั้นไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
จงทำวันนี้ให้เต็มที่ที่สุดโดย คุณเพิท - AD ADDICT
ใครที่อยากรับชมแบบจัดเต็ม สามารถซื้อบัตรรับชมย้อนหลังทุกเซสชันเพิ่มเติมได้ที่
👉 https://bit.ly/3TRATke
