คนดีลยากมี 2 แบบ แบบแรกคือคนที่ดีลยากแบบแท้จริง ซึ่งคนเหล่านี้เป็นพวกที่มีพลังลบ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามีแต่อคติเต็มไปหมด พวกเขาไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้เลย แถมยังจะไม่ยอมรับทัศนคติเชิงบวกด้วย
แบบต่อมาคือ ‘คนใจโลเล’ คนประเภทนี้จะรับมือได้ยากเพราะพวกเขามักใจไม่มั่นคง ซึ่งพวกเขามักจะกลัวความเสี่ยงจนเกินเลย จนบางคนอาจแสดงพฤติกรรมที่ก่อปัญหาให้เราได้ แม้ว่าแบบที่สองจะดีลยาก แต่ในทางกลับกัน ความโลเลของพวกเขาก็เป็นแรงจูงใจให้เราอยากหาวิธีช่วยให้ดีลผ่านขึ้นมา
ดังนั้นแล้ว เมื่อต้องคุยกับคนดีลยาก สิ่งสำคัญคือต้องใช้หลักการคิดแบบนักสืบ นั่นคือลบความรู้สึก และอคติส่วนตัวออกไป พูดคุยด้วยความเป็นกลาง ให้คิดซะว่าเป็นบทเรียนที่ทำให้เราต้องคุ้นเคยเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งการตั้ง mindset แบบนี้ช่วยทำให้เรามีความคิดเห็นอกเห็นใจ และคิดลบน้อยลงได้
อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ศิลปะในการทำงานกับคนดีลยาก ให้กลายเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโต ซึ่งวันนี้ CREATIVE TALK จะพาไปพบ
5 เทคนิคในการทำงานกับคนดีลยากด้วยแนวคิดทางจิตวิทยากัน
1. ดีลแบบไม่ลับ คุยข้างนอกเวิร์คกว่า
ถ้าเราต้องคุยกับคนที่ดีลยาก แน่ล่ะว่าการคุยตรง ๆ อาจจะเป็นเรื่องดี แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องไปคุยกันในที่ลับ ๆ หรอกนะ นั่นเพราะการคุยกับคนดีลยากอาจทำได้ยากขึ้นเมื่อเราต้องนั่งสบตาเขาตลอดเวลา และสิ่งนี้อาจทำให้เราประหม่าได้
การต้องตอบคำถาม พร้อมกับบังคับไม่ให้ตัวเองประหม่าจะทำให้กระบวนการคิดของเราช้าลง เพราะเราต้องแบ่งสมองไปจัดการทั้งสองอย่าง ซึ่งไม่ดีต่อการสนทนาอย่างแน่นอน
ฉะนั้นการเปลี่ยนไปคุยข้างนอกด้วยการเดินเล่น หรือยืนข้าง ๆ เขาแทน จะช่วยให้เราสามารถดีลงานได้ดีขึ้น นอกจากนั้นอากาศบริสุทธิ์ และการเคลื่อนไหวร่างกาย ก็ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นด้วย
2. ดีลกันในที่มืด ๆ
แนวคิดนี้มาจาก Peter Jonsson นักจิตบำบัด และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการวิกฤต ที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเขาบอกว่ามนุษย์มีการมองเห็นตอนกลางคืนที่ไม่ดี และรู้สึกอ่อนแอเมื่ออยู่ในที่มืด ซึ่งเมื่อเราดีลงานในช่วงที่พระอาทิตย์ตก จะทำให้คู่สนทนารู้สึกคล้อยตาม
ฉะนั้นความมืดจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการลดความเปราะบางของผู้อื่น หากมีโอกาสดีลในที่แสงไฟน้อย จะทำให้คนที่เราคุยด้วยมีแนวโน้มในการต่อต้านน้อยลง และให้ความร่วมมือมากขึ้น
เมื่อต้องประชุมกับคนที่ดีลยาก ลองพิจารณาการคุยกันหลังพระอาทิตย์ตกดินดูสิ เพราะเราจะสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มในจิตใต้สำนึกของมนุษย์เพื่อให้ผู้อื่นคล้อยตามในเชิงบวกมากขึ้นได้
3. เปิดการดีลด้วยการถามถึงสภาพอากาศ
“อากาศที่นี่ร้อนเนอะ”
“ฝนตกเป็นไงบ้าง เดินทางมายากไหม?”
สภาพอากาศส่งผลต่อจิตใต้สำนึกของเรา หากเป็นวันที่แดดจัด เรามักจะมีความสุขในชีวิตมากขึ้น แต่หากฝนตกจะทำให้ชีวิตเกิดความลำบาก ซึ่งการพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสภาพอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่สภาพอากาศเลวร้าย จะช่วยลดอคติที่มีในอารมณ์ของคนได้
มีการทดลองที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อมีคนถามเกี่ยวกับสภาพอากาศ จะทำให้ทัศนคติด้านลบของคู่สนทนาดูทื่อไป นั่นเพราะการพูดคุยเรื่องสภาพอากาศ จะทำให้คนรับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขาได้ ซึ่งสิ่งนี้นำไปสู่การลดอิทธิพลต่อทัศนคติของพวกเขาในระหว่างการประชุม ดังนั้นเมื่อสภาพอากาศไม่ดีก็ลองถามถึงอากาศ เพราะมันช่วยให้ผู้ฟังลดกำแพงต่อเราลงไป
4. รู้จักคนดีลยากในมุมอื่น ๆ บ้าง
ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ อีเมล ระบบการส่งข้อความ ไปจนถึงรูปแบบการทำงาน เราต้องยอมรับว่าบางครั้งการทำงานก็ปลูกฝังความคิดที่เราทรีตใครคนหนึ่งในฐานะทีมงานมากกว่ามนุษย์ ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้คนดีลยากคนนั้นมองว่าคนอื่น ๆ ก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน และเปิดใจได้ยาก
ลองทำความรู้จักเขาในมุมอื่นดูสิ ไม่ว่าจะเป็นออกไปรับประทานอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นกับพวกเขา ไม่ก็ทำความรู้จักเขาเพิ่มขึ้นในส่วนของงานอดิเรก ครอบครัว ชีวิตประจำวัน ซึ่งการทำความรู้จักเขาในฐานะมนุษย์ไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน จะช่วยส่งเสริมสายสัมพันธ์ที่ดีให้กับเขาได้ และสิ่งนี้จะส่งผลดีต่อเรามหาศาลเลยล่ะ
5. เมื่อเกิดปัญหา โฟกัสที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ
บางครั้งเราอาจถูกคนดีลยาก พูดจาไม่ดีใส่ หรือทำกาแฟหกโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือกระทั่งเรื่องใหญ่อย่างการส่งงานไม่ตรงไทม์ไลน์นั้นแน่ล่ะว่ามันค่อนข้างที่จะเป็นปัญหากับเรา แต่จงยอมรับว่าสถานการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว แทนที่จะเอาแต่พร่ำเพ้อถึงสิ่งที่้เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ให้โฟกัสกับสิ่งที่เราทำได้ในสถานการณ์ตรงหน้า
ที่มา
- 5 science-backed tactics to help you work with difficult people
- 9 Useful Strategies to Dealing with Difficult People at Work
