ในปีที่มีเหล่าไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟเข้ามาตีตลาดในไทยมากมาย เราจะพบว่าเดินไปไหนก็มีแต่แบรนด์จากแดนมังกรอยู่เต็มไปหมด ทว่าปีนี้กลับเป็นปีที่ Dairy Queen ประเทศไทยทำกำไรสูงสุดในประวัติการณ์ ตั้งแต่ก่อตั้งมา
Dairy Queen มีกลยุทธ์แบบไหน และมีเทคนิคครีเอทีฟยังไงถึงทำให้เติบโตขึ้นได้ แม้ในตลาดที่มีคู่แข่งมากมาย
คุณธนกฤต กิตติพนาชนม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัทไมเนอร์ดีคิวจำกัด, บริษัทในเครือไมเนอร์กรุ๊ป ได้ออกมาเผยว่า ตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2023 นั้น Dairy Queen เติบโตขึ้นถึง 70% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการทดลองเมนูใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทย
🍦 Dairy Queen มีวิธีครีเอทีฟยังไง 🍦
1. สินค้าของ Dairy Queen ใช้เวลาหนึ่งปีในการพัฒนา โดยใชัหกเดือนวางแผนพัฒนา และอีกหกเดือนขอสิทธิ์ในการทำจากบริษัทแม่
2. ต่อมาจึงมีการทำ Concept ของเมนู เพื่อเทสต์สินค้าว่าเมนูนั้นเป็นยังไง ลูกค้าชอบหรือไม่ นั่นทำให้ปี 2023 Dairy Queen สามารถทำกำไรไปเกินเป้า ซึ่งเพียงแค่เฉพาะ ‘บลิซซาร์ดชาไทย’ ก็สามารถขายได้ถึง 1,000,000 ถ้วยในหนึ่งเดือน โดยนับเป็นสินค้าเดอะเบสของ Dairy Queen
3. สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องโฟกัสกับการสื่อสาร ซึ่งเป็นกรณีศึกษา
ว่าทำยังไงให้ลูกค้าเอาไปพูดต่อ โดย Dairy Queen ให้พนักงานโชว์การทำสินค้า ซึ่งทำให้คนที่เข้ามาดูคลิปเห็นว่า สินค้าจะอยู่หน้าร้าน ทำสดใหม่ 100% ไม่ว่าจะเป็นเค้กหรือไอศกรีมลูกค้าก็จะเห็นว่าสิ่งที่เขาทานมันเกิดขึ้นได้ยังไง
นอกจากนั้น เวลาจะสื่อสารเมนูอะไร ต้องสื่อสารด้วยส่วนผสมที่เข้าใจง่าย เพราะบางครั้งถ้าทำไอศกรีมรสชาติที่หรูเกินไป ผู้บริโภคก็จะนึกรสชาติไม่ออก เพราะไม่เคยทาน ฉะนั้นแล้วเมนูที่ตอบโจทย์คนไทยจึงเป็นเมนูที่ ‘เห็นปุ๊บก็รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง‘ ไม่จำเป็นต้องหรู
🍦 ใช้วิธีเอาชนะคู่แข่งเจ้าอื่นในตลาดอย่างไร 🍦
Dairy Queen ต้องการสื่อสารให้ผู้บริโภคเห็นว่าสินค้าของพวกเขาคือสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งใช้นมสดแท้ ๆ มาทำไอศกรีม โดยต่างจากร้านอื่นที่อาจมีส่วนผสมของนมผง
นอกจากนั้นกลยุทธ์ต่อมาคือการตั้งเป้าเป็น ‘The playground for a sweet pause’ หรือก็คือจุดพักผ่อนเมื่อนึกถึงของหวาน เพราะจากปีที่ผ่านมา พฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไป เนื่องจากยอด การซื้อหน้าร้านเพิ่มเกือบจะเท่ายอดเดลิเวอรี่ นั่นทำให้พวกเขารู้ว่าคนจะกลับมาทานที่ร้านมากขึ้น
Dairy Queen จึงวางกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าใหม่ นั่นคือไม่ใช่กลุ่มที่จะทานอาหารหนัก แต่ต้องเป็นคนที่จะมาร้านนี้ และเป็นกลุ่มที่สามารถทานของว่างทดแทนมื้ออาหารได้
ด้วยการนั้นเป้าหมายโฟกัสของปีนี้ Dairy Queen จึงตั้งเป้าจะรีโนเวทร้านกว่า 80 สาขาให้กลายเป็น DQ Lounge ซึ่งเป็นร้านขนมหวาน และพาเฟต์ ที่อยู่ในร้านไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ
เพราะแม้จะมีคู่แข่งเข้ามามากมาย แต่เมนูที่เป็นยอดขาย อันดับหนึ่งคือบลิซซาร์ด ซึ่งทำรายได้เป็น 60% ของ Dairy Queen
นอกจากไอศกรีมแล้วเค้กไอศกรีมก็ยังเป็นหนึ่งในสินค้าเรือธงที่เลียนแบบได้ยาก ด้วยการนั้นจึงทำให้ยอดขาย Dairy Queen ของไทยสูงเป็นอันดับสองของเอเชีย รองจากจีนเท่านั้น
เขียน และเรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์