โดยภายในงาน Techsauce Global Summit 2023 นั้นคุณ Patama Chantaruck, Country Managing Director Accenture Thailand ได้พาเราไปเจาะลึกถึง 5 เทรนด์วิกฤตการณ์โลกที่จะส่งผลถึงธุรกิจ ในเซสชัน "Bridging the World Across Global Crisis"
1. วิกฤตค่าครองชีพ (Cost of living)
ค่าอาหาร การขึ้นราคาของพลังงาน และสินค้าจำเป็นอื่น ๆ จะเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่เศรษฐกิจตึงเครียดอยู่แล้ว ก็จะมากกว่าเดิม ซึ่งทาง World Economic Forum ยังคงกังวลว่าวิกฤตินี้จะเลวร้ายขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ หรือกระทั่งการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจะทำให้จะส่งผลต่อทุกก็ตามเศรษฐกิจโลก
2. การโจมตีทางไซเบอร์ (Cyberattacks)
ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า จำนวนและความรุนแรงของการโจมตีทางไซเบอร์นั้นเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อธุรกิจ รัฐบาล และบุคคลทั่วไป โดยการโจมตีทางไซเบอร์สามารถก่อให้เกิดการสูญเสียทางการเงินอย่างกว้างขวาง และยังส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศอีกด้วย
3. สภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Climate and Environment)
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายเร่งด่วนที่สุดที่โลกต้องเผชิญในปัจจุบัน นั่นทำให้ธุรกิจต่าง ๆ อยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นของการนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้ เพราะหากเราไม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการปฏิบัติตามแนวทางความยั่งยืน อาจทำให้ธุรกิจเผชิญความเสียหายด้านชื่อเสียง และความท้าทายด้านกฎระเบียบที่ถูกนำมาปรับใช้ได้
4. การแบ่งขั้วอำนาจ (Geopolitical Uncertainties)
โลกกำลังมีการแบ่งขั้วของมหาอำนาจ เราจะเห็นว่าสังคมกำลังนำไปสู่ความขัดแย้งที่มากขึ้น ซึ่งความตึงเครียดนี้สร้างปัญหาระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแรงหนุนจากความแตกแยกทางอุดมการณ์ หรือข้อพิพาทด้านดินแดนเองก็ตาม ความตึงเครียดเหล่านี้คุกคามเสถียรภาพของโลก ซึ่งขัดขวางการค้าระหว่างประเทศ ห่วงโซ่อุปทาน และการเข้าถึงตลาดได้
5. วิกฤตอาหารและพลังงาน (Food and Energy)
ประเทศต่าง ๆ ใช้นโยบายเศรษฐกิจเป็นอาวุธมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น มาตรการคว่ำบาตร และควบคุมการส่งออก ซึ่งสิ่งนี้สามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศเป้าหมาย ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือสงครามในยูเครนทำให้ตลาดอาหาร และพลังงานทั่วโลกหยุดชะงัก จนขาดคลานและนำไปราคาที่สูงขึ้น ซึ่งวิกฤตนี้มีผลกระทบรุนแรงโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา แถมยังทำให้เศรษฐกิจโลกสั่นคลอนมากกว่าเดิม
นอกจากนั้นในเซสชันยังมีการกล่าวถึงเทรนด์เทคโนโลยีเพื่ออนาคตที่น่าจับตามอง
Digital Identity
การเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีระบุตัวตนทางดิจิทัลช่วยให้เราสามารถระบุตัวตนดิจิทัลที่ปลอดภัยกว่าเดิม โดยสิ่งนี้มีศักยภาพในการปรับปรุงการเข้าถึงทางการเงิน การเข้าถึงการดูแลสุขภาพและการศึกษา ไปจนถึงเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์
Your Data, My Data, Our Data
ความโปร่งใสของข้อมูลกลายเป็นหลักสำคัญของการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม ด้วยการขยายตัวของแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นส่วนตัว และการเป็นเจ้าของ data มากขึ้น
Generalizing AI
AI ไม่ได้เป็นงานเฉพาะทางอีกต่อไป เพราะปัจจุบันทุกคนสามารถใช้มันได้ มันพัฒนาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานได้ทั่วไป ซึ่งความสามารถของมันกำลังพลิกโฉมทุกอุตสาหกรรมใหม่อย่างที่เราไม่ทันคาดคิด
Our Forever Frontier
เทคโนโลยีควอนตัมกำลังประกาศศักราชใหม่ในการคำนวณ โดยจะแก้ปัญหาที่ซับซ้อนซึ่งอยู่นอกเหนือการเข้าถึงของคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิม ตั้งแต่การเข้ารหัส ไปจนถึงจำลองสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ ในอนาคต