ป้ายสีแดงเด่นเป็นสง่าที่ตั้งอยู่กลางห้าง เมื่อเดินผ่านที่ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปดูคอลเล็กชันเสื้อผ้าทุกที อะไรกันนะที่ทำให้ Uniqlo ยังคงผลิตนวัตกรรมของเสื้อผ้าจนทุกวันนี้?
Uniqlo เป็นแบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งจากการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และความมุ่งมั่นในการนำเสนอเสื้อผ้าคุณภาพสูง ใช้งานได้จริง ราคาไม่แพง และด้วย 5 โครงสร้างนี้ ได้ทำให้ Uniqlo กลายเป็นปรากฏการณ์แฟชั่นระดับโลก จนส่งผลให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ
1. ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้าอยู่เสมอ
ข้อความของ Uniqlo ที่กล่าวว่า
"Uniqlo เป็นบริษัทญี่ปุ่นยุคใหม่ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้โลก ด้วยการแต่งกายแบบสบาย ๆ"
สิ่งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ว่าแบรนด์นี้เน้นการนำเสนอชุดลำลองสำหรับทุกคน โดยไร้เส้นแบ่ง ซึ่ง Uniqlo แตกต่างจากคู่แข่งตรงที่ พวกเขาเลือกที่จะเพิกเฉยต่อกระแสแฟชั่น แล้วนำเสนอเสื้อผ้าเรียบง่าย และเป็นสากลที่ผสมผสานเข้ากับสไตล์ของแต่ละคนได้
นอกจากนั้น ด้วยการวางแผนโครงสร้างการทำงานต่าง ๆ จากภายในบริษัท ทำให้ Uniqlo สามารถดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ไปจนถึงเรื่องราคา ซึ่งเป็นการตอบสนองกับคำมั่นสัญญาที่บอกว่าจะแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับทุกคนได้อย่างดี
2. วาง Position ตัวเองให้แตกต่างจากคู่แข่ง
Uniqlo มองว่าตัวเองไม่ใช่บริษัทแฟชั่น แต่นิยามตัวเป็นบริษัทเทคโนโลยี เพราะแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Uniqlo นั้นคล้ายคลึงกับบริษัทเทคโนโลยีมากกว่า โดยพวกเขาไม่ต้องการผลิตเสื้อผ้าซ้ำ ๆ ให้เหมือนกับอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่น แต่พวกเขาตั้งใจผลิตสินค้าให้กลายเป็นเทรนด์ ด้วยวิธีวางแผนการผลิตล่วงหน้าถึงหนึ่งปี
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เซอร์ไพรส์สำหรับลูกค้า เพราะการไม่ตามกระแส และผลิตตามแบบแผน ช่วยให้แบรนด์สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงออกมาในราคาย่อมเยาได้
3. สร้างมาตรฐานของวัฒนธรรมองค์กร
ทาดาชิ ยานาอิ (Tadashi Yanai) ผู้บริหารของ Uniqlo มีส่วนสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ในปี 2019 เขาอยู่ในอันดับที่ 54 ของ CEO ที่มีผลงานดีที่สุดในโลกโดย Harvard Business Review
ตั้งแต่ปี 2000 เขาให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 700% จนทำให้มูลค่าตลาดของ Uniqlo เพิ่มขึ้น 39 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทาดาชิได้รับเครดิตจากความสำเร็จครั้งใหญ่นี้ โดย Uniqlo เองก็เติบโตขึ้นเนื่องจากวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการทำงานเป็นทีม และสร้างเสริมประสบการณ์ของลูกค้าด้วยเช่นกัน
การให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมของ Uniqlo นั้นแสดงให้เห็นผ่านโครงสร้างองค์กร โดยพนักงานจะได้รับการสนับสนุนในการให้คำแนะนำได้ดี ซึ่ง DNA และเป้าหมายของบริษัทก็ถูกส่งออกมาจากพนักงานทั่วโลกจนกลายเป็นมาตรฐาน และทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ
โครงสร้างองค์กรของ Uniqlo ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม
4. มีเป้าหมายเพื่อการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า
การให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมของ Uniqlo นั้นแสดงให้เห็นว่าการฝึกอบรมพนักงานมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัท เพราะพนักงานใหม่จะได้รับการเทรนด์ถึง 3 เดือนเต็ม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมทั่วโลก ทุกกิจกรรมที่ดำเนินโดยพนักงานจะได้รับการบันทึก และวิเคราะห์ ตั้งแต่เทคนิคการพับเสื้อผ้า ไปจนถึงวิธีการที่พนักงานคืนบัตรเครดิตให้ลูกค้าเลยล่ะ
ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า Uniqlo ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า คือการตัดสินใจของ ทาดาชิ ยานาอิ ที่จะให้องค์กรใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารในปี 2012 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่มีส่วนสนับสนุนความเป็นสากลในระดับโลก
นอกจากนี้ พนักงานของ Uniqlo จะใช้คำติชมของลูกค้ามาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และบริการอยู่เสมอ จนคู่แข่งอย่าง Zara กับ H&M ก็ทำเช่นเดียวกัน ซึ่งนำไปสู่การปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าได้
5. อุทิศตนเองเพื่อการสร้างนวัตกรรม
อย่างที่กล่าวไป Uniqlo มองว่าตัวเองเป็นบริษัทเทคโนโลยีมากกว่าเป็นบริษัทแฟชั่น เพราะนวัตกรรมผ้าของ Uniqlo อย่าง HeatTech, AIRism, LifeWear และ UV Cut นั้นทำให้แบรนด์แตกต่างจากคู่แข่งเป็นอย่างมาก
สินค้าเหล่านี้ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งทอของญี่ปุ่นอย่าง Takumi ทำให้ได้ผ้าที่มีเทคโนโลยีสูง ซึ่งให้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ไม่เหมือนใคร โดยผ้าเหล่านี้มีลิขสิทธิ์ทั้งหมด ทำให้คู่แข่งลอกเลียนแบบได้ยาก และพยายามที่จะเอาชนะผลิตภัณฑ์นี้อยู่ตลอด จนถึงกับมีคำมุกตลกจากผู้บริหารที่บอกว่า
“Apple ต่างหากที่เป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของเรา (Uniqlo) เนื่องจากพวกเขา ต้องการที่จะเป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลกเหมือนกัน”
ที่มา: Uniqlo: The Strategy Behind The Global Japanese Fast Fashion Retail Brand
