แต่การคุย 1-1 หลายครั้งกลับทำให้พนักงานรู้สึกอึดอัด ลำบากใจ ดังนั้นการคุย 1-1 จะต้องไม่ใช่วันเวย์ที่หัวหน้ามาพูด ๆ อย่างเดียว แต่ตัวพนักงานเองก็ต้องรู้จักตั้งคำถาม เพื่อนำไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลง และนี่คือตัวอย่างเช็กลิสต์ 28 คำถามใน 7 ประเด็น ที่จะช่วยให้เราคุยกับหัวหน้าในการ 1-1 ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในบทความนี้จะขอใช้สรรพนามแทนตัวผู้พูดว่า ‘ฉัน’ แล้วกันนะครับ
🤔 ขอความช่วยเหลือ หรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม 💬
“ การจัดการกับโปรเจกต์เป็นเรื่องท้าทายสำหรับฉันมาก อยากรบกวนให้หัวหน้าช่วยไกด์ให้หน่อยได้ไหมเพื่อให้งานผ่านไปอย่างราบรื่น ”
“ หัวหน้าพอจะมีไอเดีย หรือความคิดเห็นอะไรเพิ่มไหม ที่พอจะช่วยซัพพอร์ตให้โปรเจกต์นี้ผ่านไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน เวลา หรือเงินทุนต่าง ๆ ”
“ ไอเดียของฉันเป็นยังไง หัวหน้ามีคำแนะนำเพิ่มเติมไหม? หรือหัวหน้ามีไอเดียเพิ่มไหม เผื่อฉันเอาไปต่อยอดได้อีก ”
🤔 คุยเรื่องลำดับความสำคัญของงานกับความคาดหวัง 💬
“ อยากขอความคิดเห็นจากหัวหน้าว่า จากลิสต์งานทั้งหมดตอนนี้ เราควรจัดลำดับความสำคัญยังไงดี ควรเริ่มจากอะไรก่อน ”
“ อยากรู้ว่าจากงานที่หัวหน้าไล่เช็กไป งานที่ฉันทำไปถูกต้องไหม มีข้อผิดพลาดตรงไหนบ้างหรือเปล่า ”
“ งานของฉันทำให้องค์กรไปถึงเป้าหมายไหม หรือฉันจำเป็นต้องปรับโฟกัสอะไรใหม่หรือเปล่า? ”
“ มีเรื่องอะไรที่ฉันอาจพลาดไปในโปรเจกต์ที่กำลังทำอยู่ไหม เช่น เป้าหมายหรือ Objective ของการทำโปรเจกต์ ”
🤔 เป้าหมายของเราสอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กรหรือเปล่า 💬
“ มีการเปลี่ยนแปลง หรือสิ่งที่ควรรู้ในองค์กรเพิ่มเติมไหมที่อาจจะเป็นประโยชน์กับงานส่วนที่ฉันรับผิดชอบอยู่ ”
“ ฉันอยากเข้าใจภาพรวมใหญ่ ๆ มากขึ้น ฉันอยากรู้ว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้มันสอดคล้องกับเป้าหมายต่าง ๆ หรือทิศทางขององค์กรอย่างไรบ้าง ”
“ มีอะไรที่ทีมผู้บริหารกำลังดำเนินการ ซึ่งหัวหน้าคิดว่าฉันควรรู้ในตอนนี้รึเปล่า เพราะสิ่งนั้นอาจมีส่งผลบางอย่างกับงานที่ทำอยู่ได้ ”
“ อยากรู้เพิ่มเติมว่าในเชิงกลยุทธ์ขององค์กรนั้น หัวหน้าคิดว่ามีอะไรที่พนักงานบริษัทอย่างฉันควรรู้บ้าง ”
🤔 คอยมองหาโอกาสในการเติบโต และความก้าวหน้าทางอาชีพ 💬
“ ฉันจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสที่จะมาถึงในอนาคต ”
“ ขณะที่องค์กรกำลังจะตัดสินใจครั้งสำคัญ หัวหน้าคิดว่าฉันควรปรับปรุง และพัฒนาอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางขององค์กรบ้าง ”
“ หัวหน้าคิดว่าฉันมีจุดแข็งอะไรบ้าง และจะมีประโยชน์อย่างไรในอนาคต ”
“ ในมุมมองของหัวหน้า มองว่าฉันควรกำหนดเป้าหมายอะไรในการย้ายงานครั้งต่อไป และทำไมหัวหน้าถึงแนะนำสิ่งนั้น ”
“ พอจะมีอะไรชี้วัดได้บ้างว่าทักษะที่ฉันมี ถูกนำไปใช้กับงาน ทีม องค์กรอย่างเต็มที่แล้ว ”
“ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้ถูกดึงศักยภาพออกมาจนสุดแล้วจริง ๆ ”
🤔 อย่าลืมรับคำติชมเกี่ยวกับผลงานของเรา 💬
“ ฉันสามารถทำได้อย่างที่หัวหน้าคาดหวังไหม ”
“ มีอะไรที่หัวหน้าสามารถแชร์ให้ฉันฟัง เกี่ยวกับการทำงาน X หรือ Y ได้บ้าง ”
“ หัวหน้ารู้สึกว่าฉันมีอะไรที่มักเผลอมองข้ามเมื่อพูดถึง A หรือ B บ้างไหม ”
“ สำหรับหัวหน้าเมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉันทำในที่ทำงาน มีอะไรที่ฉันควรเริ่ม, หยุด หรือที่ควรทำต่อไปบ้าง ”
🤔 สร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วยการถามไถ่เรื่องอื่น 💬
“ ช่วงนี้งานของหัวหน้าเป็นยังไงบ้าง ”
“ หัวหน้าโอเคไหม? สบายดีหรือเปล่า ”
“ อะไรคือสิ่งที่หัวหน้าชอบทำ ช่วงนอกเวลางานบ้าง ”
“ มีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับฉันเพิ่มหรือเปล่า (ถ้ามีเรื่องที่ไม่สะดวกใจจะตอบให้เลี่ยงด้วยการบอกว่า “ฉันรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะบอกเรื่องนี้ แต่ว่ามีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าให้ฟัง”) ”
🤔 ให้การสนับสนุนหัวหน้าบ้าง 💬
“ หัวหน้าให้ความสำคัญกับอะไรใน X วันข้างหน้า ฉันจะทำยังไงได้บ้างเพื่อช่วยหัวหน้าในเรื่องนี้ ”
“ ฉันจะสามารถซัพพอร์ตหัวหน้าได้ทางไหนบ้าง ”
“ มีอะไรที่รบกวนใจหัวหน้า แล้วอยากให้ฉันช่วยจัดการให้ไหม ”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชุดคำถาม 1-1 ที่ในฐานะพนักงานก็อาจจะเอาไปลองปรับใช้ในการประชุมดู บางประโยคในนี้อ่านแล้วอาจฟังดูแหม่ง ๆ ด้วยบริบทของการพูดคุย แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็คือการตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง หรือผลลัพธ์บางอย่าง เพราะทุกครั้งที่มีการคุย 1-1 มักมีเป้าหมายเสมอ จะไม่ใช่การคุยแค่เพื่อให้มีแล้วผ่านไป
ดังนั้นการตั้งมั่น ตั้งใจเซ็ตชุดคำถามเอาไว้ก่อน 1-1 ก็จะช่วยให้เราได้อะไรกลับมามากขึ้นหรือใครมีวิธีการพูดคุยแบบ 1-1 อยากจะแชร์เพิ่มเติม มาพูดคุยกันใต้โพสต์นี้ได้เลย