ภาวะหมดไฟ (Burnout) ในที่ทำงานกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ ผลสำรวจจาก Deloitte พบว่า 77% ของพนักงานประจำในสหรัฐฯ เคยเผชิญภาวะหมดไฟในงานปัจจุบัน และกว่าครึ่งบอกว่าเคยเจอปัญหานี้หลายครั้ง ในขณะเดียวกัน 70% รู้สึกว่าองค์กรไม่ได้ทำมากพอเพื่อแก้ปัญหานี้ และ 21% ระบุว่าองค์กรของพวกเขาไม่มีมาตรการใด ๆ เลย
แม้ว่าในวันนี้บริษัทหลายแห่งทั่วโลกจะพยายามแก้ปัญหาด้วยการมี Benefit มากมายเช่น โปรแกรมด้านสุขภาพจิต, ห้องสมาธิ หรือบางบริษัทก็มีทุกวันศุกร์งดการประชุม เพื่อให้พนักงานได้โฟกัสเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องทำได้เต็มที่ แต่สิ่งเหล่านี้มักเป็นเพียง “การแสดงออก” เท่านั้น พนักงานหลายคนยุ่งเกินกว่าจะใช้ หรือบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ ที่สำคัญ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง เหตุเพราะมันอาจไม่ได้ตอบโจทย์วิถีการทำงานในปัจจุบัน
5 นิสัยเล็ก ๆ แต่ทรงพลังในการช่วยทีมลดความเครียดแบบผู้นำในปี 2025
มีบทความที่น่าสนใจจาก Fastcompany พูดถึงมุมที่ผู้นำหลายคนมองข้าม ในฐานะผู้ใหญ่ เรามักลืมวิธีการเล่นเหมือนเด็ก ‘การปลดปล่อยตัวเองและเชื่อมโยงกับคนรอบข้าง’ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้นำสามารถทำได้ในช่วงเวลาที่ทีมเผชิญความเครียด คือการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ในบทความนี้มีการกล่าวถึงคุณ Sandy Ono, CMO ของ OpenText ที่บอกว่าเมื่อเราสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความชัดเจน ความมุ่งมั่น และความคิดสร้างสรรค์ ทีมจะเข้าใจว่าเกมที่พวกเขากำลังเล่นคืออะไร มีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง และพวกเขาจะรู้สึกกระตือรือร้นและมีพลังในงานประจำวันมากขึ้น และนี่คือ 5 เทคนิคไม่ลับที่เชื่อว่าผู้นำจะสามารถสานสัมพันธ์กับทีม และช่วยลดความเครียดที่ได้ผลจริง!
1. เครียดน้อยลงด้วยการเคลื่อนไหว 5 นาที
งานเยอะ งานด่วน งานเร่ง เป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก แต่ถ้าเราควบคุมสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ การเริ่มต้นปรับนิสัยเล็ก ๆ จากตัวเราสำคัญที่สุด มีงานวิจัยจากบทความชิ้นนี้ระบุไว้ว่า การนั่งทำงานทั้งวันส่งผลเสียได้ โดยการเดินเพียง 5 นาที ทุก ๆ 30 นาที จะช่วยลดความเครียด และเพิ่มสมาธิ แถมยังลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ถึง 50% ซึ่งการพักเล็ก ๆ นี้ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพร่างกาย แต่ยังช่วยให้สมองปลอดโปร่งและเติมพลัง กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทคนิคนี้เรียกได้ว่าง่ายที่สุด หากวันนี้คุณเห็นทีมงานต้องเร่งส่งงานด่วน หรือเครียดจนเกินไป ลองชวนน้อง ๆ ทีมงานออกมาผ่อนคลาย เดินคุยเล่นกันบ้าง หรือใครทำงานออนไลน์ เปลี่ยนจากการคุย Zoom หรือ Teams มาเป็นการโทรคุยกัน แล้วขยับตัวไปมาก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ สิ่งเหล่านี้ต้องสะสมเป็นนิสัยเพื่อให้ดีต่อสุขภาพในระยะยาวได้เช่นกัน
2. จัดเวลาเป็น คุณจะทำงานมีความสุขขึ้น
เทคนิคนี้เรียกว่า Block time for deep work ซึ่งมาจาก Pain Point สำคัญของคนยุคนี้ไหนจะต้องตอบอีเมล ไหนจะเจอข้อความแจ้งเตือนตลอดเวลา ไหนจะประชุมถี่ ๆ ทำให้คนทำงานต้องตอบสนองทันทีจนไม่มีเวลาคิดงานสำคัญ ๆ หรือได้มีเวลาสร้างสรรค์ผลงาน
การ Block time for deep work คือการที่เราจัดเวลาให้กับตัวเองในแต่ละสัปดาห์สำหรับ ‘การทำงานเชิงลึก หรือ Deep work’ โดยไม่มีสิ่งรอบตัวรบกวน ซึ่งทำได้ง่ายและเริ่มได้เลย คือการไปตั้ง calendar ของตัวเอง ว่ามีช่วงไหนที่คุณจะโฟกัสงานเป็นพิเศษ บางคนอาจจะสมองแล่นตอนเช้า หรือบางคนตอนบ่ายจะรู้สึกมีพลังงานมากกว่า ก็เลือกตามความเหมาะสมได้เลย ยิ่งถ้าคุณเป็นผู้นำเทคนิคนี้เหมาะมาก และอยากให้แนะนำกับทีมงานลองทำตามกัน
3. จบวันด้วยการตั้งเป้าหมาย VIPs
คำว่า VIPs ย่อมาจาก (Very Important Projects) หลายคนมักเริ่มต้นวันด้วยการตั้งเป้าหมาย แต่เทคนิคนี้ให้ลองเปลี่ยนมุมมองเป็นการ “ปิดท้ายวันแทน” ด้วยการเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
3.1 ก่อนจบวัน ลองค่อย ๆ ไล่ว่าวันนี้เราทำเสร็จอะไรไปแล้วบ้าง
ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ เช่น วันนี้ปิดการขายได้ 1 เจ้า หรือ วันนี้ทำกราฟิกได้ 2 ชิ้น เป็นต้น เพื่อเป็นการสรุปว่าวันนี้เราได้อะไรจากการทำงานบ้าง
3.2 ให้เริ่มตั้งเป้าหมายสำคัญ 2 ข้อในวันถัดไป
เพื่อสร้างความชัดเจนและจัดลำดับความสำคัญ เช่น วันนี้เราทำกราฟิกได้ 2 ชิ้น พรุ่งนี้เราจะทำให้ได้ 3 ชิ้น หรือ วันนี้เราปิดการขายได้ 1 เจ้า แต่พรุ่งนี้เราจะหยิบลิสต์ลูกค้าเดิมเพื่อสานสัมพันธ์กับลูกค้าเก่า (Retain Customers) ให้ได้มากกว่า 1 เจ้า เป็นต้น
เทคนิคนี้ยังช่วยให้เราลดความเครียดในตอนเช้าของการเริ่มวันใหม่ งานวิจัยจาก American Psychological Association ระบุว่า การวางแผนล่วงหน้าช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างชัดเจน
ยิ่งคุณเป็นหัวหน้าหรือผู้นำการแนะนำทีมให้ทำจะช่วยให้ทีมไม่ต้องรีบตัดสินใจหรือเครียดทุกเช้า เสมือนการย้ำถึงข้อดีของทุกคนที่จะได้เริ่มต้นวันใหม่ด้วย ‘เข็มทิศ’ ที่ชัดเจน แทนที่จะทำงานตาม ‘นาฬิกา’ อย่างไร้ทิศทาง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเพิ่มพลังการทำงานในระยะยาว
4. หยุดความเครียดทันที ด้วยเทคนิคการหายใจ (Box Breathing)
ทำไมจะหายใจ ต้องมีเทคนิคด้วย ? มันมีจริง ๆ นะ เพราะสิ่งนี้เรียกว่า “เทคนิค Box Breathing” ซึ่งได้ผลดีในการจัดการความเครียด โดยการ…
- สูดหายใจเข้า 4 วินาที
- กลั้นหายใจ 4 วินาที
- ผ่อนลมหายใจออก 4 วินาที
- แล้วกลั้นหายอีก 4 วินาที
ทำแบบนี้วนซ้ำไปเรื่อย ๆ ให้ครบ 1 นาที จะช่วยให้จิตใจนิ่งและคลายความกังวล และเป็นเรื่องที่ผู้นำควรให้คำแนะนำน้อง ๆ ทีมงานทุกคน ซึ่งใช้ได้ทันทีอาจจะหลังจบประชุมเครียด ๆ หรือกำลังทำโปรเจกต์ที่มีความท้าทาย การฝึกหายใจแบบนี้เพียง 1 นาที สามารถช่วยคืนสมาธิ และป้องกันไม่ให้ความเครียดสะสมได้
5. ‘Say no’ บ้างก็ได้ หรือไม่งั้นก็ลอง ‘Yes, If’
เรื่องนี้ผู้นำควรเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับน้อง ๆ ในทีม การฝึก Say no เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องใช้ให้เป็น เพราะคนที่ Say no กับบางงานได้แสดงว่าเขารู้การลำดับความสำคัญของงาน เป็นการฝึกนิสัยการบริหารเวลาได้ดี แทนที่จะตอบรับทุกคำขอ
แต่กลับกันหากการพูด Say no อาจจะยากเกินไป ลองเปลี่ยนมาใช้ Yes, If หรือ ช่วยได้นะ ถ้า… วิธีนี้จะช่วยให้เกิดความสมดุลและความเป็นธรรมในการช่วยมากขึ้น เช่น ถ้ามีคนมาขอความช่วยเหลือ คุณสามารถตอบรับได้แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น ถ้าเรางานเยอะมากเลยแต่หัวหน้าสั่งงานเพิ่ม เราอาจจะคุยกับหัวหน้าด้วย Yes, If ได้ว่า เราทำได้นะ แต่จะขอนำงานส่วนอื่นที่อาจจะไม่ด่วนเท่ากับงานใหม่โยกไปทำสัปดาห์หน้า หรือ หาคนที่เขาทำได้มาซัพพอร์ตเราเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้งานทุกอย่างมากระจุกที่เราคนเดียว เป็นต้น
ตัวอย่างบริบทการใช้กลยุทธ์ ‘Say No’ หรือ ‘Yes, If’
ตัวอย่างองค์กร: Google และการจัดการเวลาในทีม Google ใช้กลยุทธ์ "Yes, If" ในการจัดการเวลาภายในทีม โดยกำหนดให้พนักงานตั้งเงื่อนไขก่อนตอบรับงานใหม่ เช่น การเพิ่มทรัพยากรเพิ่มเติม หรือการลดงานอื่นลง เพื่อให้สมดุลกับความรับผิดชอบที่มีอยู่ วิธีนี้ช่วยให้ทีมไม่ต้องทำงานเกินกำลัง และยังคงรักษาประสิทธิภาพสูงสุดไว้ได้
และนี่คือ 5 เทคนิคเปลี่ยนนิสัยเล็ก ๆ เพื่อลดความเครียด ลดความเหนื่อยล้าแล้วทำได้ทันที สิ่งสำคัญของเรื่องนี้คือ การลดสิ่งไม่จำเป็น เพื่อเพิ่มความสำคัญในเรื่องที่จำเป็นนั่นคือการฟื้นฟูสมาธิ, สุขภาพร่างกายและใจของพนักงาน รวมไปถึงความยืดหยุ่นในการทำงาน และความมุ่งมั่นในการทำงานที่มากขึ้น
แปล เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
ที่มา
- 5 small but powerful habits to destress your team like a boss in 2025
- Sitting all day will kill you. The cure is simple but difficult.