แค่มองตาก็รู้ว่าคิดอะไร จะทำยังไงให้เรา Connect กับลูกทีมด้วยหัวใจได้
รู้หรือไม่ การสำรวจพนักงานเรื่องความพึงพอใจกับการมีส่วนร่วมในงาน ที่จัดทำโดยสมาคมการจัดการทรัพยากรมนุษย์ พบว่า 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า ความสัมพันธ์ของลูกทีมกับหัวหน้า คือ 1 ใน 5 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมในที่ทำงาน
การพยายามทำให้ตัวเองมีส่วนร่วมกับลูกทีมว่ายากแล้ว แต่การต้องระวังไม่ไปจู้จี้พวกเขาเกินไปว่ายากกว่า เพราะมันต้องอาศัยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเวลา ความไว้เนื้อเชื่อใจ และปัจจัยอีกมากมายกว่าที่จะทลายกำแพงของกันและกันลงได้
นั่นจึงทำให้การเป็นผู้นำที่เข้าใจลูกทีมคือสิ่งที่ยาก เพราะไม่เพียงแค่เข้าใจเรื่องงาน แต่ยังต้องสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกให้กับลูกทีม โดยที่ลูกทีมนั้นไม่เพียงแต่รับรู้ แต่ควรเข้าอกเข้าใจหัวหน้าในระดับลึกซึ้ง ซึ่งความยากเหล่านี้ทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่ Connect กับลูกมากเกินไป เพราะอาจส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงาน
แต่ผลวิจัยของ Gallup กลับพบว่าเมื่อบริษัทต่าง ๆ สามารถปั้นให้ทีม Connect กันมากขึ้น องค์กรเหล่านั้นจะมีประสิทธิผล และผลกำไรมากกว่าเดิม
การสร้างสายสัมพันธ์ทีาแท้จริงกับลูกทีม จึงถือเป็นทักษะที่ละเอียดอ่อนซึ่งต้องใช้ความอดทน ความเห็นอกเห็นใจ เพราะเราจะบังคับไปเอาให้เขาเข้าใจเราไม่ได้ ในขณะเดียวกันเราก็ต้องไม่จู้จี้กับเขาจนเกินไป เรียกได้ว่า ถ้าสามารถให้สเปซกันในแบบฟีลแฟนได้นั้น จะเป็นรากฐานของความสัมพันธ์ที่เจริญรุ่งเรืองเลยล่ะ
วันนี้เราเลยจะชวนมาดูวิธีที่ทำให้ผู้นำ Connect กับลูกทีมด้วยหัวใจได้มากขึ้น
💬 1. เต๊าะลูกทีมด้วยการขอคำแนะนำ 💬
ในฐานะผู้นำ การสื่อสารกับทีมเป็นสิ่งสำคัญ มันเปิดโอกาสให้สมาชิกได้ถามคำถาม แบ่งปันแนวคิด และขอคำติชม ซึ่งลูกทีมไม่จำเป็นต้องรอคำแนะนำจากหัวหน้าเสมอไป เพราะเราสามารถขอคำแนะนำจากพวกเขาได้ ตราบใดที่เราตั้งใจฟัง และปฏิบัติตามคำแนะนำของพวกเขา (แม้แต่การอธิบายว่าทำไม เราถึงไม่สามารถให้ในสิ่งที่เขาขอได้) สิ่งนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้เราได้รู้จักลูกทีมมากขึ้น ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน ของพวกเขา
เราสามารถสื่อสารกับทีมได้หลากหลายวิธีเป็นประจำ อาทิ กำหนดเวลาคุยแบบ 1-1 วางแผนเซสชันการระดมความคิดของทีม หรือคุยเรื่องโดยใช้เครื่องมือสื่อสารในการทำงาน เช่น Slack หรือ Teams นอกจากนั้นเราสามารถทานอาหารกลางวันกับพวกเขา หรือแวะมาคุยกันสั้น ๆ เมื่อพวกเขากำลังพักได้ เพราะการทำอะไรเล็กน้อยเหล่านี้ จะทำให้ลูกทีมรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมอยู่เสมอ
👋🏽 2. ‘ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง’ = ทักครับ 👋🏽
การวิจัยของ Harvard Business School แสดงให้เห็นว่าการถามคำถามประมาณว่า "ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง" จะไม่ได้รับการตอบกลับมากนัก เหมือนกับเวลาเราจีบใครด้วย คำว่า “ทักครับ” นั่นแหละ
ถ้าเราอยากรู้จักลูกทีมมากขึ้น เราต้องเจาะลึกลงไปโดยถามคำถามปลายเปิดเพื่อติดตามผล และสิ่งเหล่านี้ควรเจาะลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากการทำงาน ถ้าใครไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร ลองหาประวัติกับความสนใจส่วนตัวของพวกเขามาคุยก็ได้
สำคัญคือ เราไม่จำเป็น และไม่ควรต้องรู้ทุกรายละเอียดในชีวิตของพวกเขา แต่การได้รู้ว่าอะไรจุดประกายความสุขให้กับลูกทีมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ในการแสดงว่าเราใส่ใจพวกเขาในฐานะผู้คน ไม่ใช่แค่พนักงานเท่านั้น
🎯 3. บริหารความสัมพันธ์ด้วยการตั้งเป้าหมาย 🎯
“คุณต้องให้ผู้คนรับผิดชอบต่อเป้าหมายของพวกเขา” ทอม เฟอร์รี (Tom Ferry) CEO ของ Tom Ferry International กล่าวกับ CNBC ว่าหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในกระบวนการทำงาน คือการมีคนบอกแรงจูงใจที่แท้จริงว่าทำงานเพื่ออะไร
เราสามารถช่วยให้ลูกทีมบรรลุเป้าหมายเองได้ โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นการเติบโต มีการประชุมทีมเพื่อหารือเกี่ยวกับเป้าหมายเป็นกลุ่ม หรือพูดคุยแบบตัวต่อตัว เพื่อรับฟังเกี่ยวกับสิ่งที่ขับเคลื่อนพวกเขาในการทำงาน อย่าลืมถามเกี่ยวกับเป้าหมายนอกเวลางานด้วย ซึ่งการเข้าใจพวกเขาในเรื่องอื่น ที่ไม่ใช่เรื่องงาน อาจสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ได้
“สุดท้ายนี้ ทำหน้าที่เป็นโค้ชที่รับผิดชอบในขณะที่พวกเขาบรรลุเป้าหมาย” เฟอร์รีกล่าว “เมื่อเราให้ความสนใจลูกทีมอย่างแท้จริง จนส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขานอกเหนือจากที่ทำงาน จะทำให้เราจะสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และคนที่ภักดีมากขึ้นได้”
🎂 4. อย่าลืมเติมกำลังใจในวันสำคัญ 🎂
ทุกคนเกิดมาพร้อมวันเกิด ซึ่งการที่มีคนไม่ลืมวันเกิดมักเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ทำให้เราแฮปปี้ การฉลองวันเกิดทำให้พนักงานแต่ละคนรู้สึกได้รับการชื่นชม เพราะแม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างการตัดสินใจ ว่าจะซื้อเค้กแบบไหนในวันเกิด ก็ทำให้เขารู้สึกฟูลฟีลใจได้
แน่นอนว่าเราไม่สามารถเฉลิมฉลองได้ทุกวัน เพราะฉะนั้น เราควรฉลองให้กับความสำคัญอย่างอื่นในชีวิตของพวกเขา เช่นวันครบรอบ หรือการชื่นชมเรื่องงาน ช่วยเพิ่มกำลังใจให้กับลูกทีมได้มาก
จงอย่าลืมชื่นชมการทำงานหนักของพนักงาน ส่งอีเมลสั้น ๆ หรือพูดบางประโยคในที่ประชุม เพื่อขอบคุณเขาต่อหน้าผู้อื่น นอกจากนั้นเรายังสามารถเซอร์ไพรส์ลูกทีมด้วยของขวัญที่พวกเขาชอบ หรือสิ่งของที่จำเป็นต่อพวกเขาก็ได้
🕒 5. หยุดอ้างว่าตัวเองไม่มีเวลา 🕒
อย่าว่าแต่เรื่องงานเลย เพราะคำว่าไม่มีเวลานั้นก็ทำให้คนรักกันทะเลาะกันได้
เมื่อเราอายุมากขึ้น เราก็ตระหนักว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่า เราไม่ควรเสียพลังงานไปกับคนที่ไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งนั้น ตัวอย่างเช่น เรามีเพื่อนคนหนึ่งที่มักจะเบี้ยวนัดอยู่บ่อย ๆ พอจะถึงเวลาก็ชอบเททุกที นั่นทำให้เราไม่อยากจะชวนเขาอีก
แนวคิดเดียวกันนี้เป็นจริงในฐานะลีดเดอร์ เพราะหากพนักงานถามว่าเราพอมีเวลาคุยเกี่ยวกับโปรเจกต์ หรือปัญหาจุกจิกหรือเปล่า ทว่าแค่เขาได้ยินเราพูดว่า “ขออภัย ฉันไม่มีเวลา” ลูกทีมก็จะรู้สึกราวกับว่าเราไม่สนใจ นั่นทำให้เขาจะหยุดมาหาเราเพื่อขอความช่วยเหลือหรือคำแนะนำ กระทั่งลาออกจากบริษัทไปเลยก็มี
ทางเลือกที่ดีกว่าคือการจัดสรรเวลาให้กับทีม นั่นไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดสิ่งที่ทำตรงหน้าตลอดที่เขาต้องการ แต่เอาเข้าจริง เราทุกคนต่างมีเวลาทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ กันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเข้าห้องน้ำ ตอบอีเมล หรือคุยกับลูกค้า ซึ่งถ้าหากลูกทีมต้องการเวลามากกว่านั้น ขอให้ก็จัดเวลาให้เขา เพราะจะมันแสดงให้เห็นว่า เราให้ความสำคัญกับเวลาของเขา และสามารถโฟกัสกับลูกทีมอย่างเต็มที่เมื่อทำได้
การ Connect กับลูกทีมด้วยหัวใจ อาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ถ้าเราต้องการสร้าง และรักษาทาเลนต์ระดับสูงไว้ สิ่งนี้ก็เป็นปัจจัยที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะเมื่อทำแบบนี้แล้ว เราจะสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วม เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มผลกำไรให้กับองค์กรได้
แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์
ที่มา
- Leading with Heart: Why Emotional Intelligence is Vital for Effective Leadership
- 5 Ways to Connect With Your Team on a Personal Level