Elle De Freitas อายุ 31 ปี เธอเป็น CEO ของ Wonderkind ซึ่งสิ่งที่ทำให้ De Freitas โดดเด่นคืออายุของเธอนั้นถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ นอกจากนั้นแล้วผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของบริษัทเธอ ยังเต็มไปด้วยกลุ่มคน Gen Z ที่มีอายุไม่เกิน 26 ปี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชาว Gen Z ที่เป็นกลุ่มลีดเดอร์จะมีจำนวนน้อย แต่พวกเขาก็เริ่มเข้ามามีบทบาทกับตลาดแรงงานอย่างเหลือเชื่อ เพราะด้วยมุมมองที่สดใหม่ เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ พลังล้นเหลือ พร้อมผสมความสามารถด้านดิจิทัล นั่นทำให้แม้แต่พนักงาน Gen Z ธรรมดาก็ถูกวางตัวไว้ให้กลายเป็นลีดเดอร์ขององค์กรคนต่อไป
และนี่คือ 7 วิธีปั้น Gen Z ให้เป็นลีดเดอร์คู่องค์กรต่อไปในภายภาคหน้า
1. สอนให้รู้จักตั้งคำถาม
Gen Z มักให้ความสำคัญกับความถูกต้อง และไม่พอใจกับการปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติแบบเดิม ๆ แต่แรงกดดันทางสังคมเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการกระตุ้นให้พวกเขาตั้งคำถาม และคิดอย่างมีวิจารณญาณ จะช่วยให้ Gen-Z มองเห็นความสำคัญของวิธีแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยมุมมองที่สดใหม่ได้
2. หาโอกาสให้ลองเป็นผู้นำ
Gen-Z เป็นกลุ่มคนที่สามารถทำได้หลายอย่าง แต่การขาดประสบการณ์อาจทำให้การโน้มน้าวใจผู้อื่นเป็นไปได้ยาก จนทำให้หลายคนมองข้ามพวกเขา
ฉะนั้นแล้วเราในฐานะลีดเดอร์ ควรส่งเสริมให้ Gen Z พัฒนาอัตลักษณ์ความเป็นผู้นำตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าใจค่านิยม จุดแข็ง และจุดอ่อนของตน จัดระบบความคิด หรือการตัดสินใจให้สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาเลือกในเส้นทางของการเป็นผู้นำ
3. ช่วยสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการทำงาน
คน Gen X และ Millennial จำนวนมากรู้สึกสบายใจกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แต่ความชำนาญด้านดิจิทัลโดยกำเนิดของคน Gen Z ทำให้พวกเขาได้เปรียบ เพราะ Gen Z เติบโตมากับเทคโนโลยี พวกเขาชอบใช้มันเพื่อการทำงาน ฉะนั้นแล้วลีดเดอร์อย่างเราสามารถสนับสนุนพวกเขาได้ด้วยการช่วยให้พวกเขาเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น เช่น AI อย่าง ChatGPT, Midjourney หรือจำพวกคลาส e-learning กับการฝึก Virtual reality training ให้พวกเขาได้ลองใช้เครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ ซึ่งการเน้นย้ำความสำคัญของการอัพเดทเทรนด์เทคโนโลยี จะกลายเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของความเป็นผู้นำยุคใหม่
4. ส่งเสริมวิธีการเรียนรู้ส่วนบุคคล
ชาว Gen Z เป็นประเภทที่ชอบเรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งความชอบในการเรียนรู้ของ Gen Z ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาความเป็นผู้นำให้ตรงกับความต้องการและความสนใจส่วนบุคคลได้ ซึ่งองค์กรสามารถมอบโอกาสทางการเรียนรู้ไปจนถึงให้คำปรึกษา Gen Z เหล่านั้น เพื่อให้สามารถกำหนดเส้นทางการเรียนรู้ส่วนบุคคล ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของพวกเขาได้
5. ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน
วิธีสอนความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งคือการเป็น Case Study ให้พวกเขา ซึ่งเราสามารถแสดงให้ Gen Z เห็นถึงคุณสมบัติ วิธีสื่อสาร การทำงานร่วมกัน ตัดสินใจ และจัดการปัญหาที่อยู่ตรงหน้า จนกว่าพวกเขาจะซึมซับมันหมด
6. สนับสนุนการทดลองข้ามสายงาน
การเอาคนที่ใช่ ไปทำงานที่ใช่ จะถูกต้องมาก ถ้าเหากราสามารถหาความชอบที่แท้จริงของชาว Gen Z เจอ
ฉะนั้น การสอน Gen Z จึงต้องทำมากกว่าสายงานเดิม ซึ่ง Gen Z หลายคนที่ยังหาตัวเองไม่เจอ จะชอบการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ทำให้พวกเขาสามารถสะสมทักษะที่หลากหลายกว่าเดิม ไปจนถึงเชื่อมช่องว่างทางทักษะระหว่างทีมกับพวกเขาได้ ซึ่งการฝึกนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถขยายขีดความสามารถออกมามากกว่าเดิม
7. พูดคุยกันตรง ๆ
Gen-Z ไม่ยอมทนต่อวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ การเลือกปฏิบัติ การกระทำสองมาตรฐาน และงานที่ไม่ยืดหยุ่นให้เข้ากับชีวิตส่วนตัวของพวกเขา ดังนั้นแล้วลีดเดอร์จำเป็นต้องพูดคุยกับกลุ่มคนเหล่านี้อยู่เสมอ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ปลอดภัย และปรับความคาดหวังของพวกเขา ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมขององค์กร
การเตรียมพร้อมเหล่า Gen Z สำหรับบทบาทผู้นำ ถือเป็นงานสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตในอนาคต ซึ่งการปฏิบัติตามเคล็ดลับทั้ง 7 ประการนี้จะช่วยเราให้สามารถดึงประสิทธิภาพจากคน Gen Z ได้อย่างสูงสุด จนกลายเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจ และขับเคลื่อนความสำเร็จสู่อนาคตได้
ที่มา
- Are Gen Z ready for leadership?
- Training Gen Z employees: 8 best practices
- Guiding the Next Generation: How to Coach and Mentor Generation Z for Success
- What Gen-Z Needs To Learn About Leadership To Build A Better World