เก่งงานยังไม่พอ ยังต้องเก่งคนด้วย ถึงจะเรียกว่ามี ‘ภาวะผู้นำ’ (Leadership)
คุณขวัญ ‘อริญญา เถลิงศรี’ กรรมการผู้จัดการ SEAC ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน มีประสบการณ์ให้คำปรึกษาแก่ผู้บริหารมากมาย บอกกับ CREATIVE TALK ว่าโลกนี้มีคนไม่ถึง 3% เท่านั้น ที่มีพรสวรรค์เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ คนส่วนใหญ่จึงต้องฝึกฝนคุณสมบัตินี้ โดยเฉพาะวิสัยทัศน์แบบไร้กระบวนท่าที่ผู้นำยุคใหม่จำเป็นต้องมี นั่นก็คือ ‘Growth Vision’
CREATIVE TALK จึงขอสรุป 7 คุณสมบัติ ที่จะช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ให้คุณพาองค์กรฝ่าวิกฤตและความไม่แน่นอนไปได้ ดังต่อไปนี้
Growth Vision 7 คุณสมบัติที่ผู้นำต้องมี
1. จัดการใจให้สบาย
ผู้นำต้องจัดการใจตัวเองให้ได้ก่อน จึงจะแก้ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาได้ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ หากอารมณ์และจิตใจของคุณกำลังสั่นคลอน ความไม่มั่นคงทางอารมณ์จะทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายๆ ลองหาเทคนิคจัดการความเครียดที่ได้ผลกับตัวคุณเอง อย่างเช่น
หาคนใกล้ชิดที่คุณไว้วางใจได้คอยรับฟัง อาจเป็นเพื่อนหรือคนข้างกายที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ฟังที่ดี มีทักษะ Deep Listening คอยสะท้อนความคิดของเราโดยไม่ขัดหรือพยายามชี้ทางแก้ บ่อยครั้งเราเพียงต้องการแค่คนเข้าใจ คอยรับรู้อารมณ์ความรู้สึก ณ ขณะทุกข์ก็เท่านั้น
และลองหาเวลาเงียบๆ นิ่งๆ อยู่กับตัวเอง ปล่อยสมองให้ว่างเปล่าดูบ้าง เมื่อคุณมีสมาธิ สติมา ปัญญาก็เกิด คุณจะมองเห็นโอกาสในวิกฤต แล้วความเชื่อมั่นของคุณจะกลับคืนมา
2. ปรับแผนได้คล่องตัว
ผู้นำอย่างคุณต้องตัดสินใจได้อย่างเฉียบคมแม้ในสถานการณ์ที่บีบคั้น จึงจำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่จะพร้อมรับทุกแรงกระแทก ยืดหยุ่น (Resilience) ไม่ยึดติดกับกระบวนท่าเดิมๆ พร้อมที่จะเปลี่ยนแผนเพื่อสร้างผลลัพธ์ได้อย่างฉับไว (Agility) เพื่อจะพาองค์กรก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างทันท่วงที
3. ใช้ NOC ตั้งหลักคิด
ความไม่แน่นอนทำให้ผู้นำใช้กลยุทธ์ธุรกิจที่เป็นท่าไม้ตายแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกต่อไป และแผนที่คิดคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้ายาวๆ จะใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว คุณต้องคอยปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา มีแผนสำหรับทั้งในระยะสั้น กลาง ยาว
และ 3 หลักที่จะช่วยให้คุณตั้งหลักคิด ทบทวนแผนการ และวางแผนสำรองได้ เพื่อจะสามารถพลิกเกมกลับมาเป็นผู้รอดในสนามการแข่งขันทางธุรกิจ ได้แก่
NEEDS เจาะลึกความต้องการของลูกค้าของคุณ
OBJECTIVE เข้าใจเป้าประสงค์ของแบรนด์
CHALLENGE เข้าใจเงื่อนไขที่ท้าทายความสามารถของทีมมากขึ้น
เพื่อระบุทิศทางที่แน่ชัดให้ทีมงานเข้าใจตรงกัน เตรียมพร้อมจะตั้งรับแรงกระแทก และก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน
4. เอาชนะใจทีมงาน
ผู้นำต้องไม่ขาดการสื่อสารกับทีมงาน ยิ่งใกล้ชิด สนิทใจ เข้าอกเข้าใจกัน แล้วลูกน้องจะกล้าเล่าให้คุณฟังทุกเรื่อง เพื่อคุณจะรู้เร็วและจบปัญหาได้ไวก่อนจะลุกลามไปใหญ่โต
อาจไม่จำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์กันบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่ได้พบปะพูดคุยกันจะต้องมีคุณภาพ เชื่อมลึกถึงกันทั้งในเนื้องานและความสนิทสนมส่วนตัว
ห้ามเสแสร้งแกล้งทำ หรือพยายามมุ่งจะเข้าไปจัดการแก้ไขคนๆ นั้นเป็นอันขาด หากคุณเผลอทำลายความรู้สึกคนๆ หนึ่งไปแล้ว มันจะยากกว่าเดิมมาก เพราะอีกฝ่ายจะเปิดโหมดป้องกันตัว และก่อกำแพงสูงขึ้นอีก ทุกคนจะปิดบังปัญหาเอาไว้ ปล่อยให้คุณรู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย
5. สร้างทีมเวิร์ก
ทุกคนในทีมจะเป็นหนึ่งเดียวกันได้ก็ต่อเมื่อ เกิดความรู้สึกไว้วางใจซึ่งกันและกัน เชื่อมือกัน พร้อมจะช่วยกันหาทางบรรลุผลสำเร็จขององค์กร และต้องพัฒนาการทำงานให้เข้าขากัน และพร้อมจะศึกษาหาเครื่องมือใหม่ๆ มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ไหลลื่นขึ้น
6. หาจุดสมดุลการบริหารองค์กร
ผู้นำต้องเก่งทั้งวางกลยุทธ์ธุรกิจและบริหารบุคลากรให้ไม่หนักไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อที่ธุรกิจจะทำกำไร พร้อมๆ กับทำให้ผู้คนในองค์กรร่วมงานกันอย่างมีความสุข
7. กระชับมิตรกับคู่ค้า
ผู้นำจำเป็นต้องมีศิลปะในการสร้างพันธมิตร สามารถทำให้ใครๆ ก็รักและไว้เนื้อเชื่อใจคุณได้ รู้สึกถึงความจริงใจ เป็นกันเอง เป็นตัวของคุณเอง และสร้างสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับคู่ค้า เมื่อได้ใจกันแล้ว การพูดคุยตกลงกันทางธุรกิจก็จะง่ายดายขึ้น
ถึงแม้องค์กรของคุณจะมีเทคโนโลยีที่เจ๋งที่สุด ข้อมูลรอบด้านที่สุดก็ไร้ประโยชน์ หากคุณไม่สามารถนำคนของคุณให้ปรับเปลี่ยนได้สำเร็จ คนเก่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ที่ช่วยให้องค์กรอยู่รอดและเติบโตได้ทันโลก
ติดตามรับฟังย้อนหลังได้ทาง
🎧 SoundCloud: https://bit.ly/3s0J79B
🎧 Spotify: https://spoti.fi/3dFYv5Y
🎧 PodBean: https://bit.ly/3t5S0Qo
🎧 Apple Podcast: https://apple.co/2R7x4u7