เราจะสร้างพลังแห่งการเรียนรู้ไม่ให้มีวันหมดได้ยังไงบ้าง?
จากหนังสือ Creative Schools โดย Ken Robinson และ Lou Aronica ได้ระบุไว้ว่า การสอนไม่ควรจะทำให้ทุกอย่างเป็น mass production หรือผลิตรูปแบบการสอนออกมาโดยมีลักษณะเหมือนๆ กันราวกับมาจากโรงงานเดียวกัน เพราะจริงๆ แล้ว การสอนควรเป็นแบบ mass customization มากกว่า
ซึ่งครูผู้สอนมีหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจ สร้างความมั่นใจ และปลูกฝังความคิดความอ่าน รวมถึงทัศนคติเพื่อให้ผู้เรียนเป็นคนที่รักการเรียนรู้จริงๆ ไม่ว่าจะในหรือนอกห้องเรียน
แต่แม้ปัจจัยที่ทำให้ผู้เรียนอยากจะเรียนนั้นมีทั้งหมด 140 ปัจจัย แต่ในฐานะผู้เรียนแล้ว เรามักคาดหวังต่อตัวเองมากกว่าจะคาดหวังในตัวครูผู้สอน และเราก็มักจะคาดหวังว่าหากเรียนรู้แล้วเราจะสามารถเอาไปจัดการกับปัญหาของตัวเองได้ ดังนั้นสำหรับผู้สอนแล้ว การค้นหาว่าผู้เรียนนั้นมีจุดแข็งอะไรที่สามารถผลักดันขึ้นไปอีกได้บ้างจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
เราจะสร้าง ‘Learning Power’ อย่างต่อเนื่องได้อย่างไร?
อาจลองยกตัวอย่าง การเรียนแบบสร้าง Learning Power ผ่านการเรียนศิลปะ เช่นในการเรียนศิลปะนั้นสามารถทำได้สองลักษณะ คือ 1. ให้ผู้เรียนได้สร้งสรรค์ผลงานของตัวเอง และ 2. ให้ผู้เรียนได้ดูงานของคนอื่น
วิธีนี้ ผู้เรียนกลุ่มแรกจะได้พัฒนาทักษะของตัวเอง และในระหว่างนั้นครูผู้สอนก็จะมีโอกาสได้คอยสังเกตการพร้อมกับขัดเกลาทักษะของผู้เรียนให้ดีขึ้น ส่วนผู้เรียนอีกกลุ่มที่ได้ดูงานของคนอื่นก็จะได้เพิ่มทักษะการคิดวิเคราะห์ และได้ลองวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งวิธีนี้ถึอเป็นการพัฒนา Critical Thinking ที่ดี และการได้ลองอยู่ในฝั่งของผู้ที่ได้รับชมผลงานว่ามีความคิดความรู้สึกอย่างไรต่อผลงานนั้นๆ ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเช่นกัน
ลองสร้าง Learning Power ด้วย ‘4 E’
1. Engage
‘จูงใจให้ผู้เรียนอยากจะเรียน’ และเป็นต้นแบบที่ทำให้เขาอยากเป็น หรืออยากทำตาม เช่น ถ้าอยากให้ผู้เรียนมีความมุ่งมั่นหรือมีความขยัน ผู้สอนก็ควรจะทำให้ดูและ และปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างที่ดี มีความมุ่งมั่นและขยันให้ผู้เรียนเห็น
2. Enable
‘ดึงศักยภาพผู้เรียนออกมา’ ผ่านการช่วยให้ผู้เรียนได้ลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง ที่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นทำได้หรือทำไม่ได้ หรือเขาอาจทำจะได้ดีมากก็ได้
3. Expect
‘สร้างความหวังเชิงบวก’ โดยปกติแล้วผู้เรียนทุกคนมักจะมีความคาดหวังต่อตัวเองและผู้อื่น สิ่งที่ผู้สอนต้องทำ จึงเป็นการหาวิธีที่จะทำให้ผู้เรียนมีพลังใจในการเดินก้าวต่อไปข้างหน้า รวมถึงทำให้ผู้เรียนสามารถช่วยพัฒนาคนรอบข้างได้ด้วย
4. Empower
‘ติดปีกให้ผู้เรียน’ ผู้สอนควรเป็นเหมือนพี่เลี้ยงและคนที่จะคอยขจัดอุปสรรค ให้ผู้เรียนได้เติบโต และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอย่างเฉิดฉาย และคอยผลักดันและสร้างพลังให้ผู้เรียนได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง
แม้ในการเรียนรู้ผู้เรียนจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ผู้สอนก็เป็นเหมือนกับหางเสือที่จะช่วยนำทาง และชี้แนะทิศทางรวมถึงขยายกรอบการเรียนรู้ของผู้เรียนให้กว้างและมีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น
Content Creator ผู้ชอบงานเขียนมากกว่าทุกสิ่ง และชอบตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิตที่หาคำตอบไม่ค่อยเจอ