ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มักมีปัจจัยที่ไม่ใช่แค่สินค้าดีมีคุณภาพ แต่สินค้าและบริการเหล่านั้นต้องตอบโจทย์ ตรงใจ ตรงจริตของผู้บริโภค
ซึ่งการจะทำธุรกิจให้ยั่งยืนเรื่องของการปรับตัว และเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริงสำคัญมากในการยืนระยะ แน่นอนว่าข่าวดีวันนี้ของทุกคน นี่คือหนึ่งในคัมภีร์ผู้ประกอบ เราจะปรับกระบวนท่าอย่างไร เพื่อเข้าใจพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้าในปี 2025 โดยข้อมูลที่เรานำมาแชร์ต่อนั้น คือการเจาะเทรนด์โลก 2025 โดย TCDC
Consumer Profile ในปีหน้าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
นี่คืออีกหนึ่งความท้าทายของแบรนด์, นักการตลาด และผู้ประกอบการทุกคน ในการทำความเข้าใจหน้าตาใหม่ พฤติกรรมใหม่ และการเปลี่ยนไปของคำว่า “ผู้บริโภค” หรือว่าที่ลูกค้าของเราในอนาคตต่อจากนี้ โดย Report จาก TCDC ได้รวบรวมไว้ 4 พฤติกรรมใหม่ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้!
1. NEW NIHILIST (ผู้บริโภคสุญนิยม)
พฤติกรรมมักปล่อยใจจอย ๆ ไปกับชีวิตที่มีกฎเกณฑ์ในแบบฉบับของตนเอง
ลักษณะเด่นของพฤติกรรมคนกลุ่มนี้!
ผู้บริโภคกลุ่มสุญนิยมแนวใหม่ (New Nihilist) ให้ความสำคัญกับ ‘การใช้เวลาตามที่พวกเขาต้องการ’ เพื่อนำไปสู่ความสุข และเป้าหมายในชีวิต โดยยังคงรักษาจิตวิญญาณความขบถในแบบฉบับตนเอง มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และพร้อมเรียกร้องถึงโลกที่ดีกว่า
เมื่อโลกมีแต่ความไม่แน่นอน ผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงเข้าใจถึงการพร้อมรับมือกับความจริง ไม่มีใครที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ ยกเว้นแต่การเริ่มต้นที่ตัวเอง การที่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายทางอารมณ์ ความผิดหวัง และความอ่อนล้าเรื้อรัง ผู้บริโภคกลุ่มนี้กำลังค้นหาความหมายใหม่ในการใช้ชีวิตที่ดูสบาย ๆ ไร้กฎเกณฑ์ พร้อมปรับเปลี่ยนกรอบแนวคิดสุญนิยม (Nihilism) ให้เป็นทางเลือกในเชิงบวกมากขึ้น
ในด้านธุรกิจการเปลี่ยนแปลงในปีหน้า 2025 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและระบบ UX ประสบการณ์ของผู้ใช้งานที่สอดคล้องกับคุณค่า รวมไปถึงต้องง่ายต่อการตัดสินใจซื้อท่ามกลางตัวเลือกมากมาย ของผู้บริโภคกลุ่มสุญนิยมแนวใหม่ (New Nihilist) โดยเฉพาะคน GenZ เป็นสิ่งที่คนกลุ่มนี้กำลังมองหา ถือเป็นโอกาสของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่จะทบทวนกลยุทธ์ออนไลน์ใหม่
ตัวอย่างธุรกิจที่น่าสนใจของ Meolaa ตลาดมาร์เก็ตเพลสจากอินเดียนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เน้นย้ำเรื่องความยั่งยืน จากความตั้งใจของอิชิตา ซาวันต์ (Ishita Sawant) วัย 23 ปี จนมีแบรนด์มากกว่า 1,500 แบรนด์ และผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากกว่า 125,000 รายการใน 6 หมวดหมู่ตั้งแต่ ผลิตภัณฑ์ความงาม, การปรับปรุงบ้าน, ผลิตภัณฑ์ดูแลเด็กและทารก, ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง, เครื่องแต่งกาย และอื่น ๆ โดยคัดสรรมาเพื่อนักช้อปชาวมิลเลนเนียล (Gen Y) และ GenZ โดยเน้นการส่งต่อความยั่งยืน ไม่จำกัดว่าคุณเป็นเพศไหน มีความหลากหลายของสินค้าทั้งรูปแบบและขนาด ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ตอบโจทย์ ผู้บริโภคกลุ่มสุญนิยมแนวใหม่ (New Nihilist) ในการสร้างประสบการณ์เฉพาะให้กับลูกค้ากลุ่มนี้
2. THE REDUCTIONIST
สบายหน่อย เพื่อช่วยชุมชนอีกนิด
ลักษณะเด่นของพฤติกรรมคนกลุ่มนี้!
ผู้บริโภคกลุ่มสะดวกสบายอย่างมีจิตสำนึก (THE REDUCTIONIST) มักมองหาการซื้อขายสินค้าหรือได้มาซึ่งบริการที่มีจริยธรรม เช่น คนกลุ่มนี้จะหลีกเลี่ยงการช้อปแบบอีคอมเมิร์ซที่แม้รวดเร็ว แต่อาจไม่เป็นธรรมกับพนักงานขนส่ง เป็นต้น แต่พวกเขาจะมองหาการจับจ่ายใช้สอยที่เน้น “การเติบโตที่ดี (Good Growth)” เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนที่อาศัยอยู่ โดยเขาจะเลือกธุรกิจที่โฟกัสเฉพาะสิ่งจำเป็น และแบรนด์ไหนที่ทำให้รู้สึกถึงการลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ยืนยาว และแข็งแรงของผู้คน
มีรายงานจากการศึกษาจาก Google พบว่าการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่เพิ่มคำว่า “เปิดตอนนี้ (Open Now)” และ “ร้านใกล้ฉัน (Near Me)” บนอุปกรณ์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 200% เช่นเดียวกับสถิติจาก Microsoft ที่เผยว่าหากเว็บไซต์ธุรกิจของเราดาวน์โหลดข้อมูลช้ากว่าคู่แข่ง 250 มิลลิวินาที ลูกค้าจะเข้าชมเว็บน้อยลง
THE REDUCTIONIST คือนิยามของ “ความสะดวกสบายเป็นตัวตัดสินทุกสิ่ง” การได้รับสินค้าหรือบริการในออนไลน์ก็อยากได้เร็วขึ้นจาก 1-3 วันทำการถือว่าช้าเกินไปแล้ว! แต่คนกลุ่มนี้จะนิยมการซื้อของออนไลน์แบบขายด่วน (Q-Commerce) ธุรกิจขายส่งด่วนประเภทรับของภายใน 30 นาที - 1 ชั่วโมง โดยตัวเลข Q-Commerce เติบโตอย่างมากถึง 72.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลกภายในปี 2025 หรือบริการสตรีมมิงที่ทำให้ผู้ชมไม่ต้องรำคาญใจกับการกดโฆษณาจำนวนมาก
ตัวอย่างธุรกิจที่น่าสนใจของ Coupang บริษัทในเกาหลีใต้ที่ทำธุรกิจ Q-Commerce ที่มีคำสั่งซื้อมากถึง 3.3 ล้านคำสั่งใน 1 วัน โดยต้องเผชิญกับกระแสตอบโต้เรื่องการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างไม่เป็นธรรมเมื่อปี 2020 บริษัทได้ตอบรับกับกระแสด้วยความจริงใจอย่างการก่อตั้ง Coupang Care ซึ่งให้สิทธิ์ลาแก่ผู้ขับขี่เป็นเวลา 4 สัปดาห์ เพื่อลงทะเบียนรับบริการด้านสุขภาพส่วนบุคคลฟรี รวมถึงลดชั่วโมงการทำงานของพนักงาน การให้มีวันหยุดโดยได้รับค่าจ้าง 15 วันต่อปี พร้อมสิทธิประโยชน์ประกันเต็มจำนวน
3. THE TIME KEEPER
ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า จัดสรรทุกอย่างให้ได้ดั่งใจ
ลักษณะเด่นของพฤติกรรมคนกลุ่มนี้!
ผู้บริโภคนักจัดสรรเวลา (THE TIME KEEPER) ต่อต้านวัฒนธรรมที่ใช้เวลาเพียงเพื่อประสิทธิผลปลายทาง แต่ปรารถนารูปแบบการใช้เวลาอย่างดีที่สุดในชีวิตประจำวัน เพื่อความผ่อนคลายอย่างเข้าใจ พวกเขาจะรู้สึกละอายใจมาก หากไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ หรือใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ผู้บริโภคนักจัดสรรเวลา (THE TIME KEEPER) มีการเปลี่ยนแปลงการใช้เวลาจากเดิมคือ Monochronic คือกลุ่มคนที่ถือว่าเวลามีค่าเหมือนเป็นสมบัติแบบหนึ่ง ที่สามารถได้มาและเสียไปได้ แต่ในทางกลับกันในเชิงธุรกิจได้นำเราไปสู่รูปแบบ Polychronic คือการให้ความสำคัญกับผู้คนมากกว่าผลลัพธ์ มีความยืดหยุ่น และแต่ละคนสามารถจัดสรรเวลาให้สมดุลได้ หนึ่งในกฎเกณฑ์ที่เราจะเห็นได้ชัดคือ ลดเรื่องเร่งด่วน และทำงานที่น้อยลง ผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงเน้นแบบค่อย ๆ ไป รักความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต ให้คุณค่ากับปัญหาสุขภาพจิต
โอกาสทางธุรกิจของคนกลุ่มนี้คือ การสร้างสภาพแวดล้อมกับคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา ระบบการดูแลสุขภาพกำลังถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มคน GenY และ GenZ โดยเฉพาะเรื่องแผนการชำระเงินค่ารักษาพยาบาลที่หลากหลายขึ้น โดยมีตัวเลือกระบบซื้อก่อนจ่ายที่หลัง (BNPL) เพื่อช่วยเหลือค่าธรรมเนียมที่ไม่คาดคิด รวมไปยังมีบริการที่ทำให้ลูกค้าสามารถชำระค่ารักษาพยาบาลภายใต้กำลังตนเอง
ผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่ช่วยประหยัดเวลาได้ ตัวอย่างเช่น บริการลดเวลาในพื้นที่สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัท EV Safe Charge เปิดตัว ZiGGY หุ่นยนต์ชาร์จมือถือที่สามารถเข้าถึงข้อมูลจุดชาร์จได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน โดยไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องหาพื้นที่ชาร์จเองให้ปวดหัว หรืออีกบริการอย่าง Apple Maps ที่จับมือกับ SpotHero กับแพลตฟอร์มจองที่จอดรถแบบดิจิทัล ที่ให้ลูกค้าค้นหาจุดจอดรถ, จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า, จุดบริการรถเข็น หรือบริการรับจอดรถ โดยชำระผ่านแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวกสบาย
4. THE PIONEER
ผู้บุกเบิกดินแดนใหม่ ในเมืองดิจิทัลอันไกลโพ้น
ลักษณะเด่นของพฤติกรรมคนกลุ่มนี้!
ผู้บริโภคบุกเบิกดินแดนใหม่ (THE PIONEER) เกิดจากปรากฏการณ์การอพยพครั้งใหญ่ (Great Migration) อย่างประเทศญี่ปุ่นเองก็มีการเสนอเงิน 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 272,000 บาท) ให้ครอบครัวที่อาศัยในเมืองหลวงอย่างโตเกียว เลือกเดินทางไปทำงานให้กับสาขาในท้องถิ่น โดยทำงานจากระยะไกล หรือเลือกเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในต่างจังหวัดมากขึ้น คนกลุ่มนี้ชอบทดลองแนวคิดการเป็นผู้ประกอบการ และมองหาวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ เพื่อต่อสู้กับข้อจำกัดทางสังคม
คนกลุ่มนี้มีทัศนคติที่มุ่งเน้นไปที่บล็อกเชน, Web 3 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ยุค 3.0 ยิ่งแพลตฟอร์มมีความแฟร์กับผู้ใช้งานพวกเขาจะใช้งานมันอย่างจริงใจ รวมถึงการผลิตเนื้อหาและการสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์อย่างเป็นธรรม
หนึ่งในตัวอย่างจากรัฐไวโอมิง, แคลิฟอร์เนีย, ฟลอริดา, เท็กซัส และโคโลราโด ได้ผ่านกฎหมายของการจัดการเมืองที่รองรับการมาถึงของ Web3 โดยโคโลราโดเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกาที่ยอมรับสกุลเงินดิจิทัลสำหรับการชำระภาษี หรืออีกประเทศอย่าง ตูวาลู (Tuvalu) เป็นประเทศดิจิทัลแห่งแรกในเมตาเวิร์ส เช่นเดียวกับประเทศบาร์เบโดสและกรุงโซล เมืองใหญ่แห่งแรกที่มีแฝดดิจิทัลในเกาหลีใต้
ธุรกิจที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้คือ การสร้าง Creator Commerce ในปี 2025 จะมีธุรกิจประเภทใหม่ ๆ ที่ผสมผสานการขายสินค้าหรือบริการจากครีเอเตอร์ โดยเฉพาะกลุ่ม Niche ที่ได้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ หนึ่งในแพลตฟอร์มที่เกิดขึ้นแล้วคือ “คริปโตโซเชียล คลับ” อย่าง Friends With Benefits นับเป็นเครือข่ายโซเชียลมีเดียที่มีหัวใจหลักคือ DeSo (Decentralized Social) โดยมีสมาชิกมากกว่า 4,000 คน รวมถึงศิลปิน, ครีเอเตอร์ และนักคิดแพลตฟอร์มนี้สร้างพื้นที่ดิจิทัลที่เชื่อมโยงพวกเขาเข้าถึงกันเพื่อสร้าง Community Economy ให้เกิดขึ้นจริง
แปล เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
ที่มา