รู้จักเทคโนโลยี ที่จะเข้ามาช่วยให้ HR ดูแลพนักงานได้ดีขึ้น
เชื่อว่าในปีที่ผ่านมา หลายองค์กรอาจเผชิญกับปัญหาการลาออกของพนักงานหลายตำแหน่ง ส่งผลให้คนที่เหลืออยู่ต้องทำงานหนักขึ้น ระหว่างที่รอการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบไปยังคนใหม่ที่ยังไม่เข้ามา ซึ่งปัญหานี้สร้างความกดดันให้กับบริษัทไม่น้อย เพราะเมื่องานหนักมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นปัจจัยเร่งให้คนที่ยังอยู่เกิดอาการ burnout และอยากลาออกไปอีกได้
แต่การจะหาคนใหม่มาให้ทันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อคนรุ่นใหม่เลือกที่จะเป็นฟรีแลนซ์มากกว่าทำงานประจำ องค์กรต่างๆ จึงก็ต้องมาแย่งตัวคนเก่งๆ ที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งฝ่ายที่ทำงานหนักที่สุดคงหนีไม่พ้น HR หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล เพราะนอกจากจะต้องเฟ้นหาทีมงานที่เหมาะสมให้เร็วที่สุดแล้ว ยังต้องหาทางรักษาทีมงานที่ยังอยู่ให้มีความสุขกับองค์กรเดิมด้วย
การหันไปพึ่งพาความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีจึงอาจเป็นทางออกที่ดีในเวลานี้
1. ใช้ Predictive Analytics ในการค้นหาคนที่ใช่
การนำข้อมูลผู้สมัครทั้งหมดมาวิเคราะห์ผ่านโปรแกรม ช่วยลดระยะเวลาในการตรวจสอบเอกสารและประเมินบุคคลเบื้องต้นได้ดี บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Google, Cisco, Sprint หรือ Deloitte ต่างก็ใช้ระบบ Analytics ในการคัดสรรบุคลากร เช่น ATS (Applicant Tracking System) ทำให้ระบบการคัดเลือกมีความรวดเร็วและเป็นมืออาชีพมากขึ้น
นอกจากนี้การวิเคราะห์เชิงข้อมูลยังช่วยจัดสรรตำแหน่งที่น่าสนใจให้กับคนภายในองค์กรเองด้วย การเปิดโอกาสให้คนภายในได้ลองโยกย้ายตำแหน่งสายงานภายในองค์กร และได้ลองอะไรใหม่ๆ อาจช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการอยู่กับองค์กรมากขึ้นได้เช่นกัน
2. ฟังเสียงทีมงานผ่าน Survey
เพราะการเข้าใจทีมงานและฟังเสียงของทีมงานเป็นวาระใหญ่เชิงโครงสร้างขององค์กร ซึ่งปัจจุบันนี้หลายองค์กรก็เริ่มทำการสำรวจความคิดเห็นของทีมงานในด้านต่างๆ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของทีมงานต่อองค์กร การใช้ Listening Tools ในการรับฟังเสียงสะท้อนจากทีมงานจะช่วยเพิ่มความผูกพันในองค์กรมากขึ้นได้ และทำให้ทีมงานรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสนับสนุนองค์กรอย่างแท้จริง
มีแพลตฟอร์มหลายๆ ช่องทาง เช่น CultureAmp หรือ Qualtrics ที่นอกจากจะทำให้การ Survey เป็นเรื่องง่ายและสนุกแล้ว ยังช่วยรวบรวมข้อมูลให้ทีม HR ได้วิเคราะห์ในแบบเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย
3. สร้างสุขภาวะที่ดีทั้งทางกายและใจด้วยโปรแกรมออนไลน์
หนึ่งในสิ่งที่จะช่วยดูแลทีมงานได้ดีที่สุดก็คือ การดูแลสุขภาวะทั้งกายและใจ บริษัทที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาวะของพนักงาน จะช่วยทั้งรักษาทีมงานที่มีอยู่ และดึงดูดทีมงานหัวกะทิใหม่ๆ เข้ามาในองค์กรได้ เพราะสวัสดิการที่ดีในปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องสุขภาวะเป็นหลัก
เพราะทุกวันนี้นอกจากพนักงานจะต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงเพื่อรอดพ้นจากเชื้อไวรัสแล้ว ยังต้องเผชิญหน้ากับความเครียดและความวิตกกังวลในการทำงานด้วย การที่องค์กรให้ความสำคัญกับสุขภาวะแต่เนิ่นๆ นอกจากจะสร้างกำลังใจที่ดีให้กับทีมงานแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นมูลค่ามากขึ้นถึง 23% ซึ่งในประเด็นของสุขภาวะของพนักงาน ก็มีโปรแกรมอย่าง Castlight, Limeade และ Virgin Pulse ที่จะช่วย HR คอยติดตามดูแลสุขภาวะด้านต่างๆ ของทีมงานได้แบบไม่ตกหล่น
การปรับโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กรโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้ตรงจุด ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะช่วยรักษาทีมงานหัวกะทิขององค์กรให้ยังมีใจทำงานอยู่ และช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรดึงดูดคนใหม่ๆ ให้อยากเข้ามาร่วมงานด้วยก็เป็นได้
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจาก
เรื่อง: แพรว – ณัฐธยาน์ รุ่งรุจิไพศาล นักเขียนตัวเปี๊ยกหัวโต ผู้รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ วิ่งไล่ผีเสื้อในทุ่งลาเวนเดอร์