ทนายความคิดแบบไหน ทำไมการสวมหมวกแบบทนายความถึงทำให้เราสามารถเป็นผู้นำที่เก่งขึ้นได้
ในจำนวนทักษะที่มีมากมายของผู้นำ หลายครั้งเราจะพบว่าความรู้ทางด้านกฎหมาย มักจะเป็นทักษะที่ถูกคนมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่ความจริง การสวมหมวกของทนายความ ช่วยให้เรานำความรู้ด้านนี้ไปพัฒนาในสายงานอื่นได้ ทั้งฝ่ายขาย การตลาด การเงิน เทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งการบริหารจัดการก็ตาม
เพราะผู้นำที่เก่งกาจจะมองหาความรู้ใหม่ ๆ จากทุกที่ โดยเฉพาะทักษะที่นอกเหนือจากสายงานที่ทำอยู่ ซึ่งผู้นำทางธุรกิจที่เก่งกาจบางคนก็มีความรู้ทางกฎหมายมาช่วยบริหารด้วย ไม่ว่าจะเป็นชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) จาก Berkshire Hathaway, อินทรา นูยี (Indra Nooyi) จาก Pepsi หรือลอยด์ แบลงค์เฟน (Lloyd Blankfein) จาก Goldman Sach ก็ตาม
เราจะพบว่าลีดเดอร์ในโลกต่างเป็นผู้บริหาร ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย ด้วยการทำธุรกิจผ่านเลนส์ของทนายทั้งสิ้นและ
4 เทคนิคเหล่านี้จะช่วยปั้นให้ลีดเดอร์เก่งขึ้นได้
1. เรื่องราวที่ดีที่สุดจะชนะเสมอ
ในห้องพิจารณาคดีนั้น การว่าความคือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของคดี และนักเล่าเรื่องที่เก่งกาจอย่างทนายความ ก็มักจะเป็นผู้ชนะ เพราะทนายความจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่ซับซ้อนออกมาได้ อีกทั้งยังสามารถโน้มน้าวใจผู้พิพากษา และคณะลูกขุนให้เอนเอียงมาที่ฝั่งของตนได้อีกต่างหาก
สำหรับธุรกิจเองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะในธุรกิจไหน Storytelling ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ถูกพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง นั่นจึงทำให้แบรนด์มากมายมักมีสโลแกนที่ติดหู หรือสร้างภาพจำเพื่อทำให้แบรนด์เกิดความนิยม
การสวมหมวกของทนาย ด้วยการเผยแพร่เรื่องราวของแบรนด์ออกมานั้น ช่วยให้ทีมขาย และทีมการตลาดสามารถสื่อสารไปถึงหัวใจของลูกค้าด้วยข้อเสนออันทรงคุณค่าได้ล่ะ
2. รู้จักการทำให้อารมณ์เอาชนะเหตุผล
เรามักรู้กันว่า อย่าทำให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล แต่อาชีพทนายความนั้น คือหนึ่งในคนที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ให้อยู่เหนือเหตุผลได้
เพราะในห้องพิจารณาคดี พวกเขาต้องพยายามโน้มน้าวคณะลูกขุน ให้เอนเอียงมาที่ตน และในขณะเดียวกัน ก็ต้องใช้วิธีว่าความเพื่อดึงให้อารมณ์ของฝ่ายตรงข้ามอยู่เหนือเหตุผล จนทนายความสามารถพลิกมาชนะคดีได้
ธุรกิจที่เข้าใจเทคนิค ‘การทำให้อารมณ์เอาชนะเหตุผล’ จะมองเห็นโอกาสมากกว่าใคร เพราะช่วยให้ลีดเดอร์เข้าใจวิธีการสื่อสาร ที่สามารถกระตุ้นลูกค้าให้อยากซื้อสินค้าของเราได้ แม้ว่าลูกค้าจะไม่มีเหตุผลที่ต้องซื้อเลยก็ตาม
3. ผลงานมาก่อนลำดับชั้น
อายุไม่เกี่ยว ผลงานเดี่ยวจะเป็นเครื่องยืนยัน
ในโลกการทำงาน มักเป็นเรื่องปกติที่คนอายุน้อย มักจะไม่มีโอกาสเท่าคนที่อายุมากกว่า ทว่าในโลกกฎหมายนั้นไม่ใช่ เพราะเราทุกคนสามารถโต้แย้งกันด้วยข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ในห้องพิจารณาคดีก็จะไม่ถูกครอบงำด้วยอายุคน ดังนั้นแล้วในโลกการทำงานเอง ผู้นำก็ควรจะเข้าใจว่า การเปิดรับความคิดเห็น จากคนที่อายุน้อยกว่า โดยไม่คำนึงถึงลำดับชั้น จะช่วยให้เราได้ไอเดียใหม่ ๆ รวมถึงมองเห็นมุมที่เข้าอกเข้าใจคนได้มากขึ้น
4. ปกป้องความลับไปจนสุดทาง
โดยทั่วไปแล้วทนายความเองก็ต้องปกป้องความลับของลูกความ ไม่ว่าจะรับเงินมาเท่าไหร่ เพราะสิ่งสำคัญสำหรับทนายก็คือการปกป้องความลับ เพื่อผลประโยชน์ของลูกความจนถึงที่สุด
ลีดเดอร์เองก็ควรที่จะปกป้องความลับของบริษัท ความลับของลูกทีม และไม่พูดมากเกินไป เพราะการที่เราสามารถ Protect ข้อมูลสำคัญไว้ โดยไม่เผลอสปอยล์จะช่วยให้เราไม่กดดันมากนัก สามารถยืนระยะธุรกิจได้ รวมถึงเป็นคนที่ลูกทีมเคารพ และกล้าที่จะมาพูดเมื่อมีพวกเขาปัญหา
แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์
ที่มา