8 จุดแข็งที่ซ่อนอยู่ในหัวหน้าสไตล์ Ambivert

ปัจจุบันคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าแล้ว นอกจากทักษะที่สำคัญ ยังมีเรื่องบุคลิกภาพเข้ามาเกี่ยวอีกด้วย และหัวหน้าแบบ Ambivert ก็เป็นอีกหนึ่งลักษณะหัวหน้าที่น่าสนใจในยุคนี้

Last updated on ส.ค. 20, 2025

Posted on ส.ค. 20, 2025

ในยุคที่คนลาออกเพราะหัวหน้ามากกว่าบริษัท คำตอบนี้สำคัญกว่าที่คิด

เพราะคนเป็นหัวหน้าไม่ได้มีแค่บทบาทของผู้ตัดสินใจ แต่ยังต้องสื่อสาร เข้าใจ บริหารอารมณ์ตัวเอง และรับมือกับความหลากหลายของคนในทีมได้ดี  และนั่นทำให้ “บุคลิกภาพ” กลายเป็นเครื่องมือสำคัญไม่แพ้ทักษะ

ปัจจุบันคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าแล้ว นอกจากทักษะที่สำคัญ ยังมีเรื่องบุคลิกภาพเข้ามาเกี่ยวอีกด้วย หลายคนอาจคุ้นเคยกับหัวหน้าที่มีลักษณะของคนเก็บตัว (Introvert) และคนเปิดเผย (Extrovert) แต่ยังคงมีอีกหนึ่งบุคลิกที่หลาย ๆ คนอาจมองข้ามไปนั่นคือหัวหน้าที่มีบุคลิกภาพแบบแอมบิเวิร์ต (Ambivert) ซึ่งเป็นบุคลิกที่มีทั้งลักษณะของ Introvert และ Extrovert รวมกันในคนเดียว

มีบทความจาก Psychology Today ของคุณ Suzanne Degges-White ได้กล่าวถึงจุดแข็งของหัวหน้าแบบ Ambivert คือมักจะมีสัญชาตญาณที่ดี แก้ปัญหาได้อย่างยืดหยุ่นและรวดเร็ว มีการทำงานอย่างสมดุลและมั่นคง ไม่เสี่ยงเกินไป แต่ก็ยังเปิดให้กับโอกาสใหม่ ๆ มีการบริหารทีมที่ดีมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะทำงานคนเดียวได้ด้วย และสุดท้ายคือกล้าลองอะไรใหม่ ๆ ถึงแม้จะผิดพลาด แต่ก็น้อมรับอย่างมีสติ

นอกจากนี้บทความจาก CNBC Make it โดยคุณ Stefan Falk นักเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในที่ทำงาน หรือผู้เขียนหนังสือ Intrinsic Motivation: Learn to Love Your Work and Succeed as Never Before ก็เคยกล่าวไว้ว่า “บุคลิกภาพของหัวหน้าแบบแอมบิเวิร์ต (Ambivert) เป็นบุคลิกที่โดดเด่น ซึ่งสามารถใช้การคิดวิเคราะห์รวมถึงการสื่อสารได้อย่างมีกลยุทธ์และสมดุล” ดังนั้นการรวมข้อดีของทั้งสองบุคลิก เช่น การเป็นผู้ฟังที่ดี สังเกตคนอื่นได้เก่งของบุคลิกอินโทรเวิร์ต (Introvert) หรือเข้าสังคมได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีพลังงานและความมั่นใจให้ทีมเสมอของบุคลิกเอ็กซ์โทรเวิร์ต (Extrovert) จึงถือเป็นข้อได้เปรียบในการทำงานเช่นกัน 


หัวหน้าแบบ Ambivert ดียังไง?

คุณ Adam Grant ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก University of Pennsylvania เคยทำงานวิจัยในปี 2013 ชื่อว่า ‘ข้อได้เปรียบของแอมบิเวิร์ต (Ambivert)’ โดยเป็นการหาว่าใครจะขายของได้มากกว่า ผลการศึกษาจากพนักงานในคอลเซ็นเตอร์ 340 คน พบว่าคนที่ทำยอดขายได้สูงที่สุดคือกลุ่มที่อยู่ตรงกลางอย่างแอมบิเวิร์ต (Ambivert)


แล้วหัวหน้า Ambivert มีข้อดีอย่างไรบ้าง? ลองมาดู 8 ข้อได้เปรียบของพวกเขาที่ทีมต้องการ

1. โฟกัสที่เป้าหมายมากกว่ากิจกรรม

การเลือกเข้ากิจกรรมของหัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) ไม่ได้เป็นการหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม แต่จะมองว่าโอกาสนั้นสอดคล้องกับเป้าหมายหรือค่านิยมของตัวเองมากแค่ไหน และเลือกกิจกรรมที่สอดคล้องมากกว่า เช่น ในงานบริษัทมีการจัดงาน After Party เพื่อฉลอง แต่ในอาทิตย์หน้า ทางทีมต้องเสนอโปรเจกต์ใหม่ขายลูกค้า ทางหัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) อาจเลือกที่จะไม่เข้าร่วมงาน แต่ทำการหาข้อมูลสำหรับการนำเสนอให้ลูกค้าแทน

2. ได้พลังจากการอยู่กับตัวเอง และใช้มันสร้างไอเดียใหม่

บางครั้งการที่หัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) อยู่คนเดียว นอกจากจะเป็นการพักจากการทำงานแล้ว ยังเป็นช่วงที่สามารถค้นพบมุมมองหรือไอเดียใหม่ ๆ ได้ เนื่องจากได้อยู่กับตัวเอง ซึ่งผ่านการคิดอย่างมีสติ และรอบคอบ เช่น  หลังจากเลิกงาน หัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) อาจใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ ที่บ้านเพื่อทบทวนข้อมูลจากการประชุมหรือการทำงานประจำวัน รวมถึงอาจวางแผนกลยุทธ์ในอนาคต และนำมาบอกทีมอีกครั้งเมื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ 

3. สื่อสารได้หลายสไตล์ เพราะเข้าใจภาษาของคนต่างบุคลิก

หัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) มีความสามารถในการปรับตัวสูง จึงสามารถรู้วิธีการสื่อสารให้สอดคล้องคู่สนทนาได้เป็นอย่างดี ซึ่งเคล็ดลับนี้ก็จะช่วยในการสื่อสารกับทีมได้แม้คนในทีมมีลักษณะต่างกัน เช่น เนื่องจากรู้วิธีการสื่อสาร หัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) ก็จะเข้าใจภาษาของทั้งคู่ได้โดยไม่ต้องพยายาม เนื่องจากหัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) มีลักษณะบุคลิกของทั้งคนเปิดเผย (Extrovert) และคนเก็บตัว (Introvert) จึงมีความเข้าใจในมุมมองและสิ่งที่ทั้งสองบุคลิกต้องการจะสื่อสาร และสามารถหาวิธีสื่อสารที่เหมาะสมได้ เช่น ในกรณีที่ต้องการจะแบ่งงาน โดยใช้การโทรคุยกับคนในทีมที่เปิดเผย (Extrovert) และใช้การนัด 1-1 ล่วงหน้าสำหรับคนในทีมที่เก็บตัว (Introvert)

4. รู้จังหวะในการนำ และพร้อมถอยเพื่อให้ทีมได้โชว์

การเป็นหัวหน้าแบบแอมบิเวิร์ต (Ambivert) มักจะรู้จังหวะในการนำทีม และถอยเป็นผู้ตามที่ดี ถึงแม้จะเป็นหัวหน้าที่ดึงดูดให้คนสนใจได้ดี แต่ในบางครั้งก็พร้อมที่จะให้โอกาสทีมได้แสดงศักยภาพ โดยคอยสนับสนุนอยู่ห่าง ๆ เช่น ถ้าต้องนำเสนองานให้ลูกค้า หัวหน้าอาจเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนาเพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้า และค่อย ๆ ถอยออกมาซัพพอร์ตทีม ให้ได้เสนองานต่อ

5. ให้ feedback แบบพัฒนาจริง ไม่ใช่แค่ตำหนิ

หัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) มักจะแสดงความเห็นใหม่ ๆ ในแง่ที่เรียกความมั่นใจคืนให้กับทีมได้ มากกว่าแค่แสดงความเห็นธรรมดาทั่วไป ระบุสิ่งที่สามารถพัฒนาได้ตรงจุดมากขึ้น เช่น ในกรณีที่ทีมทำงานได้ยังไม่ครบถ้วนข้อมูล อาจไม่ใช่การพูดว่าให้ไปแก้มาใหม่ แต่อาจใช้ว่า “อยากได้รายละเอียดอายุครอบคลุมกว่านี้” หรือ “เพิ่มรายละเอียดการติดตามได้อีกนะ” ซึ่งจะเสริมความคืบหน้าให้ทีมได้มากยิ่งขึ้น

6. สังเกตเก่ง มองเห็นโอกาสในเรื่องเล็ก ๆ

หัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) มีความสามารถในการอ่านสถานการณ์และผู้คน จุดไหนคือโอกาสที่คุณสามารถสร้างคุณค่าได้ สามารถวิเคราะห์รายละเอียดของการสนทนาได้ตลอดเวลา และรู้ว่าควรแทรกตัวเข้าไปเมื่อใด เช่น เมื่อมองเห็นโอกาสว่าในปัจจุบันผู้คนเริ่มหันมาสนใจการวิ่งมากขึ้น ก็อาจทำแคมเปญเรียกลูกค้าโดยใช้กีฬาหรือ Promotion  เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามา

7. พลิกสถานการณ์ธรรมดาให้มีค่าเสมอ

ในหลาย ๆ ครั้งหัวหน้าอาจต้องเข้าประชุมในสิ่งที่ดูไม่ค่อยสำคัญ หรือไปงานเลี้ยงของบริษัทที่ดูน่าเบื่อ หลายคนอาจเสียเวลาไปกับสิ่ง ๆ นั้นโดยเปล่าประโยชน์ แต่ในทางกลับกันหัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) จะไม่ยอมปล่อยเวลาให้ผ่านไปฟรี ๆ แต่จะพยายามมองหาโอกาสในการประชุมนั้น เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง และทีม เช่น หากต้องเข้างานสัมมนาต่างจังหวัด และมีวิทยากรรับเชิญที่มาจากบริษัทใหญ่ หัวหน้าแอมบิเวิร์ต (Ambivert) ก็จะหาโอกาสเข้าไปพูดคุยหรือขอ Contact เพื่อนัดส้มภาษณ์นอกรอบ หรือต่อยอดในด้านอื่น ๆ เป็นต้น

8. แก้ปัญหาได้แบบเป็นกลาง เข้าใจทั้งเหตุผลและความรู้สึก

หัวหน้าแบบแอมบิเวิร์ต (Ambivert) ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่คือการแก้ปัญหาให้กับทุก ๆ ฝ่าย เพราะมีความเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง คุณจึงสามารถมองเห็นได้ทั้งมุมเหตุผลของปัญหา และความรู้สึกของผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้หาทางออกที่ลงตัวได้อย่างเหมาะสม เช่น หากในทีมเกิดการขัดแย้งกันภายใน หัวหน้าแอมบิเวิร์ตจะคอยช่วยหาทางออกแบบไม่เข้าข้างฝ่ายใด และจัดการกับความขัดแย้งด้วยความเป็นกลาง


สุดท้ายนี้การเป็นหัวหน้าที่มีบุคลิกแบบแอมบิเวิร์ต (Ambivert) ไม่ใช่เรื่องไม่ดี กลับกันแล้วมันเป็นบุคลิกที่สร้างความยืดหยุ่น และการปรับตัวต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนั้นการนำเอาข้อได้เปรียบนี้ไปใช้ ก็สามารถทำให้ทีมประสบความสำเร็จได้เช่นกัน 

และในขณะเดียวกันการเป็นหัวหน้าแบบ Introvert หรือ Extrovert ก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกเป็นหัวหน้าแบบไหน


ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags