สกิลการเผือก ช่วยให้เก่งขึ้นได้ 5 วิธีบริหารต่อมความอยากรู้อยากเห็น โดย Peter Drucker บิดาแห่งการบริหาร

ความอยากรู้อยากเห็น เป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ เพราะเมื่อเราได้เรียนรู้ที่จะพุ่งเป้า สิ่งนี้ก็จะกระตุ้นให้เราพัฒนามากขึ้น ซึ่งหลายครั้งการขวนขวายที่มาก ๆ ก็ทำให้การเผือกกลายเป็นความสามารถพิเศษใหม่ ๆ ได้

Last updated on เม.ย. 1, 2024

Posted on มี.ค. 25, 2024

ความสามารถพิเศษของฉัน: เผือกเก่งกว่าใคร ✅ ✅ ✅

มนุษย์ทุกคนมีพลังวิเศษเฉกเช่นเดียวกับซูเปอร์ฮีโร่ และสิ่งนั้นคือความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งความอยากรู้อยากเห็น ช่วยให้เราไปสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จัก สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และก้าวข้ามขอบเขตของปัญหาได้ แต่หลายครั้ง ความอยากรู้อยากเห็นของเรา ก็มักถูกขัดขวางโดยศัตรูภายใน ที่คอยทำลายความมั่นใจ ด้วยคำว่า "ฉันทำไม่ได้" จนท้ายที่สุด ความอยากรู้อยากเห็นของเรา ก็จะกลายเป็นความคิดลบไป 

ปัจจุบันมนุษย์ตระหนักถึงคุณค่าของความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น โดยในเว็บไซต์ Psychology Today ได้กล่าวว่า ต่อจากนี้มันอาจเป็นสกิลสำคัญสำหรับ CEO และลีดเดอร์คนอื่น ๆ ซึ่งเอ็ม บาสซีย์ (M. Bassey) ประธานเจ้าหน้าที่การเรียนรู้ และ Chief Diversity Officer ของบริษัท The Kraft Heinz Company ก็ได้กล่าวไว้ในบทความ ‘365 Days of Learning: Embracing Learning as a Superpower’ ว่า “ฉันขับเคลื่อนบริษัทระดับโลก ด้วยวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่น และความอยากรู้อยากเห็นทางปัญญา”

ปีเตอร์ ดรักเกอร์ (Peter Drucker) บิดาแห่งการบริหารสมัยใหม่ กล่าวว่า เขาใช้ชีวิตด้วยความอยากรู้อยากเห็นมาตลอด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของเขา เพราะการอยากรู้อยากเห็นช่วยให้จิตใจของเขากระตือรือร้น และมีชีวิตชีวา เพื่อให้เขายังรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นคนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะอยู่ในวัยชรา เขาก็ยังเพิ่มความสดให้กับต่อมความอยากรู้อยากเห็นด้วยการเปิดรับความคิด และข้อมูลใหม่ ๆ จวบจนลมหายใจสุดท้าย

ปีเตอร์ ดรักเกอร์ได้แนะนำ 5 เทคนิคที่ช่วยให้เราสามารถเพิ่มต่อมอยากรู้อยากเห็น เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้ตลอดชีวิต

1. หัด ‘เอ๊ะ’ ให้เป็น

ดรักเกอร์ให้คำปรึกษานักธุรกิจ และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรมากมาย เขาโชคดีที่เคยเป็นนักข่าว นั่นทำให้เขาได้ทักษะตั้งคำถามติดตัวมาด้วย ซึ่งการตั้งคำถามจะช่วยให้เราได้รับข้อมูลที่เจาะลึก และเต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปพัฒนากับงานมากขึ้น


2. ใช้เวลา 3 เดือนเพื่อเรียนรู้ตลอดชีวิต

ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากพอในเชิงลึก เราอาจต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนในการเข้าไปคลุกคลีเพื่อศึกษาโปรเจกต์นั้น ๆ นอกจากนั้นแล้ว ถ้าอยากรู้จักข้อมูลเชิงลึกบางอย่างมากขึ้น การเข้าไปคุยกับคนทำงานที่เกี่ยวข้อง การอ่านหนังสือ บทความ นิตยสาร วารสารวิชาการ และรายงานของรัฐบาล ยังช่วยบริหารต่อมอยากรู้อยากเห็น เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้


3. ลองคุยกับคนไม่รู้จักดูบ้าง

สำหรับโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ดรักเกอร์ใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลที่ดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้ในบางครั้ง อาทิ การคุยกับแท็กซี่เมื่อไปเที่ยวในเมืองใหม่ เพราะการได้ลองคุยกับคนที่ไม่รู้จัก ช่วยเปิดโอกาสให้เรา สามารถฝึกวิธีตั้งคำถามเพื่อพัฒนาศักยภาพได้


4. ลอง(คุยกับคนที่)ทำงานเกี่ยวกับหนังสือ

แม้ว่ายุคสมัยนี้ คนจะเข้าห้องสมุดกันน้อยลง แต่บางครั้งการได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับหนังสือจำพวกบรรณารักษ์ หรือคนขายหนังสือก็ช่วยให้เราเป็นคนที่กระตือรือร้นด้านการอยากรู้อยากเห็นได้

เนื่องจากงานเหล่านี้เป็นงานที่ต้องถามเพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไร เพราะพวกเขาจะมีเทคนิคถามคำถาม เพื่อให้คนถามได้คำตอบที่เป็นประโยชน์ นอกจากนั้นการทำงานที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ ยังช่วยให้พวกเขารักษาทัศนคติว่า ‘ไม่มีคำถามไหนที่โง่’ อยู่กับตัวได้  ฉะนั้นแล้วการกลับไปใช้ห้องสมุดหรือร้านหนังสือ เพื่อพูดคุยกับบรรณารักษ์บ้างก็ช่วยให้เราฝึกต่อมความอยากรู้อยากเห็นเราได้นะ


5. ปีนออกนอกคอมฟอร์ตโซน

ดรักเกอร์สนับสนุนแนวคิดที่ว่า บุคคลในองค์กรไม่ควรรู้แค่เรื่องที่อยู่ในองค์กร นั่นแปลว่าเราควรออกไปพบปะคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องบ้าง อาทิพาร์ตเนอร์บริษัท, ลูกค้า, ผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้า, ซัพพลายเออร์ และตำแหน่งอื่น ๆ เพื่อทำความรู้จักองค์กรในส่วนอื่นมากขึ้น ฉะนั้นแล้วเพื่อให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพความอยากรู้อยากเห็นในตัวเรา ลองให้มีการทำงานข้ามสายงาน หริอเข้าร่วมเวิร์กช็อปที่ได้ทำกิจกรรมที่อยู่นอกเหนือคอมฟอร์ตโซนของแต่ละคน ก็จะช่วยพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้


ความอยากรู้อยากเห็น ไม่ใช่สกิลที่ฟุ่มเฟือยแต่เป็นสิ่งจำเป็น เพราะมันช่วยให้หัวใจของเรา เต็มไปด้วยองค์ประกอบสำคัญของความสุข และความสมหวังได้ ดังนั้น จงยอมรับอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ในกายของเรา และใช้มันเป็นกุญแจสำคัญเพื่อปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงมากขึ้นซะ


แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags