ผู้นำแบบไหน ที่จะเติมความหวังให้กับลูกทีมในช่วงเวลาที่มีปัญหา
สถานการณ์ที่สะเทือนใจ เศร้าโศก และสับสนมักผลักดันเราให้เข้าสู่ดินแดนที่ไม่เคยไป เพื่อเป็นบททดสอบว่าผู้นำจะเติมพลังแห่งความหวังให้กับทีมได้ยังไง ในช่วงเวลาที่องค์กรบอบช้ำ
เมื่อเกิดวิกฤติกับองค์กร คู่มืออะไรก็ไม่สามารถให้คำแนะนำได้ แนวทางการบริหานยังไงก็ไม่สามารถให้คำตอบได้เพียงพอ ฉะนั้นแล้ว ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ผู้นำก็มีโอกาสที่จะส่งเสริมกำลังใจให้กับลูกทีมด้วยการเติมความหวังได้
การวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกนและ CompassionLab ของมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย เผยว่า การเติมความหวังด้วยการเติมพลังความเห็นอกเห็นใจ จะทำให้องค์กรบรรเทาความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นได้ เพราะการให้ความหวังช่วยให้พนักงานฟื้นตัวเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
วิกฤติคือบทเรียนสำคัญ สำหรับผู้นำที่ก้าวออกจากเงามืดในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ต้องทำหน้าที่โดยการเติมความหวังผู้อื่นเพื่อให้พวกเขาก้าวต่อไปได้ เพราะความหวังเป็นสิ่งที่ทรงพลัง มันยกระดับจิตวิญญาณ และความคิดของเรา โดยต่อไปนี้เป็น 5 วิธีที่ผู้นำสามารถเติมความหวังกับลูกทีม ในช่วงเวลาที่วิกฤติ
1. สร้างบริบทที่มีความหมาย
ความเป็นผู้นำที่เติมความหวัง เริ่มต้นด้วยการยอมรับความแตกต่างทางอารมณ์ของแต่ละคน ผู้นำต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ซึ่งลูกทีมสามารถแสดงความรู้สึกได้ และสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับ
👉 การแสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์: ผู้นำควรเปิดเผยอารมณ์ของตนเองอย่างเปิดเผย โดยส่งสัญญาณให้พนักงานทราบว่า การแสดงออกถึงจุดอ่อนในสถานที่ทำงานนั้นไม่ใช่เรื่องผิด
👉 การมีอยู่: การเอาใจใส่ ไม่ว่าจะผ่านการพูดคุยเป็นการส่วนตัว การสนทนาอย่างเห็นอกเห็นใจ หรือเพียงรับฟัง พวกเขา จะช่วยเติมความหวังกับลูกทีม ให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองยังคงสำคัญ
👉 ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน: การจัดการกับข้อกังวลในทางปฏิบัติ เช่น ที่อยู่อาศัย การรักษาพยาบาล หรือการลาหยุด ช่วยลดความเครียดที่เกิดขึ้นในทันที และช่วยให้ลูกทีมโฟกัสที่การรับมือ รวมไปถึงวิธีการเดินหน้าต่อได้
2. หล่อเลี้ยงความหวัง
เมื่อเกิดปัญหา ความพ่ายแพ้ และความผิดหวังจะเกิดขึ้นกับคนในทีม ซึ่งในฐานะผู้นำ เราสามารถช่วยให้พวกเขามองข้ามปัญหา ซึ่งการเติมความหวังใหม่ไปสู่ความสำเร็จ ไม่ได้เป็นการปฏิเสธหรือพลิกสถานการณ์ แต่เป็นการยอมรับปัญหาแล้วมองข้ามมันไป ฉะนั้นเมื่อเราเห็นแสงสว่างเหนือความมืดมิด เราจะพิชิต และหล่อเลี้ยงการเติมความหวังไว้ได้
3. อย่าปล่อยให้อารมณ์มาขัดขวาง
ผู้นำที่มีประสบการณ์รู้ว่าจะไม่เก็บอารมณ์ไว้บนบ่า เราจะไม่ตะโกนหรือแสดงอารมณ์มากเกินไปเมื่อเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะเมื่อเราปล่อยให้อารมณ์เข้ามาขัดขวาง พนักงานจะตีความสิ่งนี้ว่าเป็นสัญญาณของความไม่เป็นกลางเพียงพอ
ผู้นำที่เข้มแข็งจะสามารถเติมความหวังด้วยการรักษาความสงบ และยังคงแสดงความห่วงใยได้ แต่ต้องไม่มากเกินไปจนทำให้เสียสมาธิ หรือทำให้ความรับผิดชอบเราลดน้อยลงได้
4. ส่งมอบงานด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
ผู้นำที่รักษาความสงบจะไม่แสดงอาการสงสัยใด ๆ เวลาจะแจกจ่ายงาน เราต้องพูดด้วยความมั่นใจ และไม่ว่าเราจะรู้หนทางของการแก้ปัญหาหรือไม่ การส่งมอบงานด้วยน้ำเสียงอันเด็ดขาด จะเป็นการเติมความหวังลูกทีมได้ ให้พวกเขารู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว
5. ทำตัวเหมือนอาบน้ำร้อนมาก่อน
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ รู้ดีว่าวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง ของการเติมความหวังในช่วงเวลาที่ยากลำบาก คือทำตัวเหมือนเคยเจอปัญหานั้นมาก่อน เพราะผู้นำที่ทำตัว เหมือนว่าเคยผ่านการแก้ไขปัญหามาหลายครั้งแล้ว คือผู้นำที่แข็งแกร่ง และสง่างาม ซึ่งการมีความอดทน เป็นผู้ฟังที่กระตือรือร้น และใช้วิธีการแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างแท้จริง จะช่วยเติมความหวังให้ลูกทีมได้รู้สึกบรรเทาความยากลำบากที่กำลังประสบอยู่
หน้าที่ของพวกเราในการเติมความหวังทีม จึงเป็นการทำให้ทีมรู้สึกว่า แม้แต่ปัญหาที่ยากที่สุด ก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย เพราะเราอยู่ที่นี่เพื่อทำให้ทีมสงบลง และเติมความหวังไปว่าปัญหาของทีมจะได้รับการแก้ไขในไม่ช้า
การเป็นผู้นำด้วยการเติมความหวัง ในช่วงเวลาแห่งความบอบช้ำขององค์กรนั้น เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมไว้ เพราะวิกฤติไม่เคยถามว่าเราพร้อมเมื่อไหร่ ซึ่งการเป็นผู้นำที่มอบความหวังในเวลานี้ ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเป็นมนุษย์ที่เป็นหัวใจของความสำเร็จในองค์กร
การเติมความหวังไม่เพียงแต่นำทางองค์กรให้ผ่านวิกฤติเท่านั้น แต่ยังปลูกฝังความยืดหยุ่น ความสามัคคี และจุดประสงค์ร่วมกันระหว่างทีมได้อีกด้วย เพราะความหวังที่ส่องแสงสว่างให้กับเส้นทางข้างหน้า จะย้ำเตือนเราถึงความสามารถในการเยียวยา และเพิ่มความแข็งแกร่งที่ทีมมีร่วมกัน
แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์
ที่มา
- Seven Ways Leaders Can Instill Hope at Work
- Why all leaders must centre ‘hope’ in crisis messaging
- 7 Ways Leaders Maintain Their Composure in Difficult Times
- Leading in Times of Trauma